10 ก.พ. 2022
[REVIEW] “One For The Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ” ค็อกเทลแก้วพิเศษที่ทั้งกลมกล่อมและบีบหัวใจไปพร้อมๆ กัน | GOSSIP GUN
นี่คือโปรเจกต์หนังที่ถูกจับตามองตั้งแต่ประกาศสร้าง นอกจากจะเป็นผลงานล่าสุดของ บาส นัฐวุฒิ ผู้กำกับหนังร้อยล้านอย่าง ฉลาดเกมส์โกง แล้ว สิ่งที่ทำให้คอหนังปักธงรอคือชื่อของโปรดิวเซอร์อย่าง หว่องกาไว เจ้าพ่อหนังเหงาที่คนไทยต่างตกหลุมรักหนังของเขา การร่วมงานกันของสองนักทำหนังในงานชิ้นนี้ต้องออกมาไม่ธรรมดาแน่ๆ จนกระทั่งถึงวันถ่ายทำ ซึ่งมีการยกกองไปถ่ายบางส่วนถึงนิวยอร์ก และปิดท้ายด้วยการฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลหนังซันแดนซ์ เมื่อต้นปีที่แล้ว พร้อมคว้ารางวัลกลับมาด้วย ทำให้หนังOne For The Roadขึ้นแท่นอีกหนังโปรเจกต์ที่คอหนังชาวไทยตั้งตารอว่าจะได้ฉายเมื่อไหร่ จนกระทั่งจีดีเอช นำมาจัดจำหน่ายให้ชมกันในสัปดาห์นี้One For The RoadคือRoad Movieที่พาเราย้อนกลับไปเยี่ยมเยียนความทรงจำ พาผู้ชมค่อยๆย้อนกลับไประลึกถึงความรักเก่าๆที่ผ่านพ้นไปแล้ว หนังเล่าถึง อู๊ด(รับบทโดย ไฮซ์ซึ ณัฐรัตน์)ทายาทร้านแผ่นเสียงที่ป่วยหนักด้วยโรคมะเร็ง ก่อนที่ชีวิตเขาจะจบลง อู๊ดตัดสินใจโทรหาเพื่อนสนิทที่ห่างหายกันไปนานอย่าง บอส(รับบทโดย ต่อ ธนภพ)เจ้าของบาร์ที่นิวยอร์ก ให้กลับไทยมาช่วยเขาสานฝันสุดท้าย คือการนำสิ่งของบางอย่าง กลับไปคืนเหล่าบรรดาแฟนเก่า และระหว่างเส้นทางที่พวกเขากำลังเดินไปด้วยกัน นอกจากอู๊ดที่ค่อยๆกลับไปเยี่ยมความทรงจำเก่าๆแล้ว ก็กลายเป็นช่วงเวลาที่ บอสเองก็ได้ย้อนไปนึกถึงความรักครั้งสำคัญที่เขาไม่เคยลืมเลือนไปด้วยเช่นกัน หนังได้ พลอย หอวัง,ออกแบบ ชุติมณฑน์,นุ่น ศิรพันธุ์ และ วี วิโอเลต มาร่วมถ่ายทอดบทเหล่าบรรดาแฟนเก่าในหนังOne For The Roadด้วยความที่ตัวละคร บอส เป็นบาร์เทนเดอร์และเจ้าของบาร์ เขาจึงพยายามตีความความสัมพันธ์แต่ละครั้งเป็นเครื่องดื่ม ค็อกเทล ที่มีส่วนผสมต่างกัน ให้รสชาติที่แตกต่างกันไป ถ้าเทียบหนังเรื่องนี้เป็นเครื่องดื่ม มันก็คงเป็นค็อกเทลแก้วที่สมูธมากๆ มีรสชาติที่กลมกล่อม แต่ความน่าสนใจคือ แต่ละจิบของมันก็ให้รสชาติที่แตกต่างกัน จิบแรกอาจจะหวาน จิบต่อมาอาจจะเปรี้ยวนำ หรือจิบสุดท้ายอาจจะขม แต่ทุกจิบที่ให้รสชาติที่ล้วนเข้าไปกระแทกใจ หลากหลายแต่กลมกล่อม และล้วนจำไม่เคยลืม ซึ่งก็เหมือนชีวิตของคนเรา ที่เส้นทางของแต่ละคน ส่วนผสมผสานด้วยวัตถุดิบที่แตกต่างกันไป ออกมาเป็นรสชาติที่ไม่เหมือนกัน หนังเรื่องนี้ทำหน้าที่ประมาณนั้นข้อดีมากๆของOne For The Roadคือนอกจากหนังจะขับเคลื่อนด้วยเส้นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้แล้ว เพราะหนังจะย้อนตัดสลับเหตุการณ์ในอดีตโยงมาถึงปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ผู้ชมค่อยๆเห็นภาพรวมความสัมพันธ์ของเหล่าตัวละคร สิ่งที่ทำให้ทุกฉากบีบอารมณ์ และถึงใจมากๆคือการแสดงของเหล่านักแสดง ที่สามารถเอ่ยได้ว่า ทุกคนมาในระดับท็อปฟอร์ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สองตัวละครนำอย่าง ต่อ ธนภพ และไอซ์ซึ ที่ซีนอารมณ์ตรึงเราให้อยู่หมัดได้ในทุกๆฉาก และที่โดดเด่นมากๆ คือ วี วิโอเลต ที่แสดงฉากสำคัญๆได้เป็นธรรมชาติมากๆ สามารถส่งอารมณ์มาถึงผู้ชมได้อย่างเต็มเปี่ยม นอกจากเส้นเรื่องในครึ่งหลังที่บีบหัวใจขั้นสุดแล้ว การแสดงของพวกเขานี่แหละที่ส่งให้ความรู้สึกเหล่านั้นมาขยี้ใจผู้ชมและถ้าย้อนกลับไปเทียบOne For The Roadกับการดื่มค็อกเทลอีกครั้ง ต้องบอกว่ามันเป็นการดื่มที่บรรยากาศช่างดีเสียเหลือเกิน เพราะรูปลักษณ์ของมันทั้งสวยมาก และให้เสน่ห์ดึงดูดไปพร้อมๆกัน เคล้าไปกับเสียงเพลง เพลย์ลิสต์ที่ถูกเลือกใช้ในหนังล้วนเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และมีความหมายกับทุกๆจังหวะของมัน ถ้าเปรียบการดูหนังเรื่องนี้กับการจิบค็อกเทล มันคงเป็นการจิบที่บรรยากาศรอบข้างดีมากๆ รสชาติกำลังกลมกล่อง รอบตัวสบายตา เสียงเพลงที่ดังเข้าหูช่วยบิลด์อารมณ์ได้อย่างถูกจังหวะจริงๆ นี่คือหนังที่โปรดักชั่นคุณภาพ และหลายฉากมีกลิ่นอายของ หว่องกาไว อย่างชัดเจน ยิ่งเพิ่มอารมณ์ให้กับหนังได้มากขึ้นไปอีกท้ายที่สุดOne For The Roadเล่นกับความรู้สึกของผู้ชมได้หลากหลายแง่มุม หนังเปรียบเหมือนรถที่ตัวละครนำขับ และพาผู้ชมย้อนกลับไประลึกถึงแต่ละช่วงเวลาชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนผ่านเส้นทางมาไม่เหมือนกัน แต่เชื่อว่าต้องมีจุดร่วมอะไรบางอย่าง ที่สามารถเชื่อมโยงกับเหล่าตัวละครได้อย่างแน่นอน มีปมอะไรบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับเราเช่นกัน ดูหนังจบแล้วลองกลับไปเยี่ยมเยียนความทรงจำนั้น บุคคลเหล่านั้นดู อย่างที่หนังได้บอกว่า ไม่รู้เส้นทางชีวิตของคนเราจะยาวไปถึงเมื่อไหร่ ตรงไหนคือจุดจากลาของความสัมพันธ์..Nobody Knows !(ให้9คะแนนจากคะแนนเต็ม10คะแนน)