รายการ EFM FANDOM LIVE [ 14 พฤศจิกายน 2567 ] คืนนี้เปิดสตูต้อนรับ “ฟอส - บุ๊ค” พร้อมอัพเดทพูดคุยกับ 2 ดีเจสาวสวย “ดีเจดาว และ ดีเจแนน”
ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ
“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากแฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต
1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “A Better Half มากกว่าครึ่งชีวิตฉันคือเธอ”
เพราะ ฟอส – บุ๊ค รู้จักกันมาเกินครึ่งชีวิตของกันและกันแล้ว ฟอสบุ๊ครู้จักกันตั้งแต่ 4 ขวบ นับปีนี้ก็ 24 ปีพอดี เจอกันครั้งแรกที่โรงเรียน เพราะต้องนั่งรถตู้กลับบ้านคันเดียวกันตอนอนุบาล 2 เนื่องจากบ้านใกล้กันห่างกันไม่กี่ซอย ฟอสมักจะพูดเสมอว่าตอนเด็กๆ บุ๊คน่ารักมากๆ เป็นเด็กผิวขาว ตาโต มีแก้มเหมือนโมจิ ส่วนบุ๊คก็จะบอกว่าฟอสเป็นเด็กซ่าๆซนๆ เลยยังไม่ได้สนิทกันมาก พอจบอนุบาลก็ไปเข้าโรงเรียนประถมและมัธยมที่เดียวกันอีก ฟอสได้เป็นหนุ่มป๊อปเหนือเดือนประจำโรงเรียน ส่วนบุ๊คเป็นเด็กเรียนควบตำแหน่งเดือนทั้งคู่อยู่คนละกลุ่ม แต่ได้คุยกันเพราะฟอสมาขอให้บุ๊คช่วยทำโจทย์วิทยาศาสตร์ที่ตัวเองต้องซ่อมส่งคุณครู จนเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้แยกย้ายกันไป
แต่แล้วโชคชะตาก็พาให้กลับมาเจอกันอีกครั้งกับบทบาทนักแสดงสังกัด GMM TV กับซีรีส์เรื่องแรกของทั้งคู่ การกลับมาเจอกันครั้งนี้ทำให้ฟอสบุ๊คได้คุยกันมากขึ้น ทั้งคู่เป็นเหมือนขั้วตรงข้าม เหมือนหยินหยาง คนนึงเป็นสีขาว อีกคนเป็นสีดำ มีความคิดเห็นไม่ค่อยจะตรงกัน ภาพที่ทุกคนเห็นจึงมักจะเห็นทั้งคู่เถียงกันบ่อยๆ แต่ฟอสบุ๊คก็พยายามปรับจูนกันมาเสมอ ถึงแม้ว่าฟอสจะเด็กกว่าบุ๊ค แต่ฟอสจะเป็นคนที่ดูแลบุ๊คอย่างดีมาตลอด ฟอสมักพูดเสมอว่าถ้าใครแกล้งบุ๊คก็ให้บอกฟอสได้เลย ฟอสจะจัดการให้ ไม่อยากเห็นใครมาว่าบุ๊ค ทุกอย่างเกี่ยวกับบุ๊คฟอสรู้หมด บุ๊คเป็นคนที่ขี้กังวล ชอบกอดเพื่อเพิ่มกำลังใจ แม้ฟอสจะเป็นคนไม่ค่อยชอบสกินชิพ แต่ฟอสจะกอดกับบุ๊คก่อนเข้าฉากหรือก่อนเริ่มแฟนมีตเสมอ เพื่อให้บุ๊คสบายใจ บุ๊คเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง ฟอสก็จะคอยบอกเสมอว่าบุ๊คทำได้ดีในทุกๆเรื่องขอแค่บุ๊คมั่นใจ และเป็นคนที่คอยสร้างความมั่นใจให้กับบุ๊คมาตลอด ฟอสมักจะคอยผลักดันบุ๊คในทุกๆเรื่องแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ฟอสทำให้บุ๊คกล้าแสดงออกมากขึ้น ส่วนบุ๊คก็เข้ามาเป็นสีสันในชีวิตให้กับฟอส เพราะฟอสเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจัง มีระเบียบแบบแผนในชีวิตแทบทุกเรื่อง ทำให้บางครั้งก็เครียดและตึงเกินไป แต่บุ๊คเข้ามาเป็นเหมือนสีสันใหม่ๆให้กับฟอส บุ๊คมักจะสร้างรอยยิ้มให้ฟอสได้เสมอ เป็นคนที่ช่วยทำให้ฟอสแสดงความเป็นเด็กและความอบอุ่นที่ฟอสมีออกมา บุ๊คมักจะชวนฟอสทำอะไรน่ารักๆ เช่น ถ่าย Tiktok หรือ พาฟอสไปคาเฟ่ ไปทำงานศิลปะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฟอสไม่เคยได้ทำ แต่เพราะมีบุ๊คฟอสเลยได้ลองทำอะไรใหม่ๆในชีวิตเหมือนกัน
อย่างที่บอกแม้ทั้งคู่จะต่างกันมาก แต่เพราะความต่างที่มีนี่แหละ มันเลยเป็นเหมือนอีกเสี้ยวนึงของชีวิตที่มาช่วยเติมเต็มกันและกันมากขึ้น ทำให้เห็นมุมมองอื่นๆที่ตัวเองไม่เคยได้เห็นหรือสัมผัส จนตอนนี้ก็ทำงานจับมือกันมาเกือบ 5 ปี มีซีรีส์ด้วยกันทั้งหมด 4 เรื่องแล้ว หวังว่าฟอสบุ๊คจะได้จับมือเดินไปบนเส้นทางการแสดงนี้ด้วยกันไปอีกนานๆ และอยู่จับมือกันเป็นฟอสบุ๊คแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะความแตกต่างของฟอสบุ๊คนี่แหละที่ทำให้ทุกอย่างมันดี มีฟอสบุ๊คนี่แหละดีที่สุด
“A Better Half More than half of my life is you”
Force and Book have been friends since they were just four years old, which adds up to a wonderful 24 years. They first crossed paths in school when they were in kindergarten, sharing a ride home in the same van due to their close proximity. Force would often reminisce about how adorable Book was as a child, with fair skin, big eyes, and cheeks like mochi. On the other hand, Book remembers Force as a mischievous little rascal. Despite being in different social circles, they bonded over a science problem that needed fixing. Throughout elementary and high school, Force was the popular kid, while Book excelled academically. As they entered university, their paths diverged, but their friendship remained strong.
After a twist of fate, they found themselves reunited as actors at GMM-TV for their first project together. This reconnection sparked deeper conversations between Force and Book, who are like yin and yang, differing in many ways. Despite their contrasting views, they are frequently seen debating but always strive to find common ground. Even though Force is younger, he takes great care of Book, offering his protection whenever needed. Knowing Book inside and out, Force is aware of her insecurities and is always there to provide comfort through his hugs. Despite Force’s aversion to physical touch, he embraces Book before performances and fan meetings to put her at ease. Book, lacking in self-assurance, finds strength in Force’s constant encouragement and support. Their relationship is symbiotic, with Force bringing structure and seriousness into Book’s life, while she injects color and joy into his. Book’s influence encourages Force to explore new experiences, such as creating TikToks, visiting cafes, and engaging in art, expanding his horizons in ways he never imagined.
As mentioned earlier, despite their distinctiveness, the differences between the two individuals complement each other, offering fresh perspectives and experiences. Over the past 5 years, they have collaborated on 4 series together. My hope is that Force & Book will continue to journey together in their acting careers, embracing their differences that ultimately enhance their partnership. Force & Book truly are a dynamic duo.
2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่ซี้กิ่งทองใบรับรองแพทย์”
เนื่องจาก ฟอส - บุ๊ค เป็นเพื่อนที่ต่างกันสุดๆ ฟอสบุ๊คชอบแกล้งตีกันให้เป็นมีมเยอะมากค่ะ555555 (แม้บางครั้งก็ตีกันจริงๆ) และส่วนใหญ่บุ๊คจะเป็นฝ่ายโดนกระทำด้วยกล้ามอันแข็งแกร่งของฟอส ในด้อมเลยแซวกันว่าประกันเข้าบุ๊คด้วยค่าา เบต้าดีนเข้าบุ๊คได้ค่าา ยาดมเข้าบุ๊คได้ค่าาา คือเอ็นดูมาก รู้ว่าเขาเล่นๆกัน แต่จริงๆฟอสบุ๊ครักกันมากๆเลยนะคะ บุ๊คเคยบอกว่า ฟอสบุ๊คสุดกันคนละขั้ว ฟอสไปซ้าย บุ๊คไปขวา เหมือนทางขนานแต่สุดท้ายก็จะมาบรรจบกันอยู่ดี ตั้งแต่รู้จักฟอสบุ๊คมา สัมผัสได้เลยว่าเขาเป็นเพื่อนที่หวังดีต่อกันมากๆ ไม่ต้องหวานเหมือนใคร ไม่ต้องหวือหวามากมาย เป็นธรรมชาติในแบบฟอสบุ๊ค เป็นตัวของตัวเองต่อไปนะ นี่แหละเคมีกิ่งทองใบรับรองแพทย์ที่สาววายตามหา รักนะ
“A peculiar pair that captures the hearts of many.”
Force and Book have a unique friendship where they playfully tease each other, often turning it into fun memes, despite occasional disagreements. Book is usually on the receiving end of Force’s playful jabs, with fans joking that even insurance, Betadine, and inhalers can’t protect Book. It’s all in good fun, though, as ForceBook truly care for each other. Book once described them as polar opposites, with Force going left and Book going right,
but their paths always leading back together. Their friendship is genuine and free of pretense – they simply support and care for each other in their own unique way. Let’s continue to embrace the authentic bond of ForceBook – a peculiar pair that captures the hearts of many. With love and appreciation.
3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “24 ปี เพื่อนรักกันดี เพื่อนรู้ใจกันมา”
ด้วย ฟอส – บุ๊ค เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก เรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่อนุบาล ถึงมัธยมปลาย แยกย้ายกันช่วงมหาลัย แล้วกลับมาเจอกันตอนทำงานและได้ทำงานเป็นพาร์ทเนอร์คู่กันอีก ไม่เรียกพรหมลิขิต แล้วใครจะสะกิดให้มาเจอกัน คู่นี้หวานไม่มีนะจ๊ะ แต่แฟนคลับชอบมาก
“2 decades of tight buddies, pals who get each other.”
Force and Book have been childhood friends since they both attended the same school from kindergarten all the way through high school. After going their separate ways for university, they eventually crossed paths again while working and decided to partner up once more. It’s not fate that brought them together, so who knows what led them back to each other? This duo may not be the most lovey-dovey, but their fans can’t get enough of them.
4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ต่อปากต่อคำ ต่อไปนี้จะรักกันแล้วครับ”
ขอเสนอรางวัลนี้ให้แก่ความต่อปากต่อคำของ ฟอส และ บุ๊ค ที่ไม่ยอมกันสุดๆ มันจะต้องได้เถียง ได้ทุบกันแทบทุกงาน จนไม่ว่าจะทีมแม่หรือทีมแฟนเป็นห่วงกันหมด แต่ตอนนี้ฟอสบุ๊คเปลี่ยนไปแล้ว รักกันแล้วนะครับแฟนคลับทุกคน
“Let’s keep the debates coming! But hey, from now on, it’s all about spreading that love!”
This award is dedicated to the intense but loving debates between Force and Book, who never shy away from a discussion. Their arguments used to worry both their friends and significant others, but things have changed. Now they show nothing but love for each other, to the delight of all their fans.
5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “รักกันดีตีกันตาย โกรธกันง่ายหายกันเร็วแห่งปี”
เพราะเกิดจากแนวทางในการใช้ชีวิตของทั้งคู่ค่ะ เพราะด้วยความเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยอนุบาล สองบ้านอยู่ใกล้กันเลยทำให้สนิทกันมาก มากจนจะชอบตีกันคือคอยกัดกันเป็นหมาใหญ่กับหมาเล็กเสมอ เลยอยากมอบรางวัลนี้ให้กับพี่ฟอสและพี่บุ๊คค่าา รับไปเลยยยย!!!
“Love hard, fight fiercely, get heated fast, and move on in a flash.”
Because of their lifelong friendship and close proximity, P’Force and P’Book are inseparable like two peas in a pod. They playfully interact, resembling a big dog and a little dog, always engaging in friendly banter. Therefore, I am delighted to present this award to P’Force and P’Book. Congratulations!
ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย!
เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เรามาพูดคุยกับ “ฟอส - บุ๊ค” กันค้าบบบ
ความรู้สึกของ ฟอส-บุ๊ค ต่อ รางวัล “A Better Half มากกว่าครึ่งชีวิตฉันคือเธอ”
บุ๊คบอกว่า ชื่อรางวัลนี้ เป็นซีรีส์ได้เลยนะเนี่ย “ขอบคุณสำหรับรางวัลนี้มากๆเลยนะครับผม” น่าจะเป็นเพราะว่าเราสองคนรู้จักกันมา 24 จะ 25 ปีแล้ว ตั้งแต่อนุบาลสอง เราเรียนมาใกล้กัน บ้านใกล้กัน มัธยมเรียนด้วยกัน แยกกันตอนมหาลัย แล้วก็กลับมาทำงานด้วยกัน จะว่าไปก็เหมือนซีรีส์จริงๆเลยนะครับเนี่ย ถ้ามีใครจะเอาพล็อตไปทำซีรีส์ ฟอสถึงกับประกาศว่า ผมขายนะครับเรื่องนี้
นิยามความสัมพันธ์ 24 ปี ออกมาเป็นคำ 1 คำ
ฟอส ถอดออกมาเป็นคำว่า เพื่อนคู่คิด “Partnership” เป็นคำแรกที่แวบเข้ามาในหัวเลย ที่เห็นๆว่าเราตีกัน จริงๆคือการตีกันเพื่อให้งานมันดีขึ้น ความคิดเราคนนึงอาจจะไปทางซ้าย ทางนึงอาจจะไปทางขวา แต่ทางสุดท้ายก็คือ ปลายทางเดียวกันคือออกมาดีเท่านั้นเอง
บุ๊ค ถอดออกมาเป็นคำว่า “พรหมลิขิต” ยากมากที่คนเราจะรู้จักใครสักคนนึงตั้งแต่ อนุบาลสอง จนเราได้มาทำงานด้วยกัน ไปแฟนมี้ตด้วยกัน ไปต่างประเทศด้วยกัน สุขด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน มันเป็นครั้งแรกของกันและกันทั้งคู่ ไม่ได้คิดว่าจะมาได้ใช้ชีวิตร่วมกันขนาดนี้
“คู่ซี้ กิ่งทอง ใบรับรองแพทย์” รางวัลที่ได้รับการโหวตเป็นอันดับที่ 2 ของ EFM FANDOM LIVE AWARDS
ความต่างเราเห็นมาเยอะแล้ว แต่อยากรู้ว่าความเหมือนของกันและกันคืออะไร หลังจบคำถาม ฟอส ตอบได้ทันทีเลยว่า ฟอสกับบุ๊คนั้น ฟังเพลงคล้ายๆกัน เพลงเศร้าๆ เพลง Deep Deep เป็นคนฟังเพลงลึกกันทั้งคู่ สามารถแชร์กันได้เลย ฟอสได้แชร์ว่าส่วนตัวเป็นคนที่สามารถฟังเพลงอะไรแล้วอินๆ สามารถร้องไห้ได้เลย หรือ ดู MV อะไรแล้วมันเศร้าก็ร้องได้เลย ก็จะเชื่อมโยงไปถึงการทำงาน ฟอส สามารถใช้เพลงมาบิ้วอารมณ์ดราม่าของตัวเองได้ ส่วนบุ๊คจะใช้วิธีการคิด คิดเยอะๆ จนมันเศร้าออกมาเอง
สำหรับบุ๊ค สิ่งที่คิดว่าฟอสบุ๊คเหมือนกันคือ “เป้าหมาย” เราอยากจะทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด เท่าที่ตัวเราสามารถทำได้ บุ๊คเชื่ออย่างนึงว่า “เรา ณ ปัจจุบัน มันเก่งที่สุดแล้ว” เราเต็มที่ที่สุดแล้ว แนวคิดนี้ก็มาจากฟอสด้วย ทำอะไรทำให้เต็มที่ ทำอะไรแล้วเราจะไม่ต้องมานั่งเสียใจอะไรทีหลัง วันนี้เราไม่ต้องจำเป็นต้องไปแข่งกับใคร แค่เก่งกับตัวเองก็พอ
มุมน่ารักที่มีแค่ “ฟอส – บุ๊ค” เห็นกันและกัน
ฟอส เลยทันทีว่า “บุ๊คเป็นคนที่นึกถึงจิตใจคนอื่นตลอด” เป็นสิ่งที่ผมเห็นในตัวเค้ามาตลอด บุ๊คจะเป็นคนที่เสนอกับครีเอทีฟ คุยกับทีมงานว่า ลองเอาน้องคนนั้นมาทำแบบนี้ดูไหม? น้องคนนี้เก่งแบบนั้น ? จริงๆเรื่องอะไรพวกนี้ เราจะสามารถทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่บุ๊คเลือกที่จะทำ เรารู้สึกว่า ถ้าฟอส บุ๊ค จะรวย จะมีชื่อเสียงกันแค่สองคน แล้วไปเที่ยวด้วยกันสัก 10 คน มันไม่สนุกหรอก สู้ดังไปด้วยกันเลยทั้งหมด มีชื่อเสียงไปพร้อมกันด้วยดีกว่า ฟอสรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ผมโตมาในสังคมที่แบบ พี่เลี้ยงน้อง เมื่อก่อนรุ่นพี่เลี้ยงผมทุกอย่าง เลี้ยงน้องแบบนี้ จนผมคิดว่า ถ้าวันนึงเรามีทุนทรัพย์ เราก็จะสามารถจ่ายได้เลยแบบยินดีที่จะดูแลน้องๆ
ส่วนตัวบุ๊ค แชร์มุมน่ารักของฟอสคือ “ภายนอกอาจจะดูแข็ง แต่จริงๆฟอสเป็นคนที่เก็บรายละเอียดมากๆ” ฟอสเป็นคนที่สังเกตอะไรเล็กๆน้อยๆ แล้วก็สามารถจับความรู้สึกได้ว่าคนรอบข้างรู้สึกยังไง กำลังเสียใจอะไรอยู่หรือเปล่า?
ฟอสบุ๊ค แชร์ความประทับใจที่มีต่อ คริส พีรวัส
บุ๊คแชร์ให้ฟังว่า พี่คริสเป็นพี่ชายคนแรกที่น่ารักมากๆ ที่เข้ามาทักบุ๊คใน Safe house เข้ามาพูดคุยกับผม ทั้งๆที่ตอนนั้นผมเป็นใครก็ไม่รู้ ยังไม่มีชื่อเสียงเลย พี่คริสบอกว่า “มีอะไรช่วยกันนะ มีอะไรเราช่วยกัน ถ้ามึงโตไป มึงสามารถช่วยเหลืออะไรได้ มึงก็ช่วยนะ เรามาอยู่บ้านเดียวกันแล้ว”
ความเหมือน ความแตกต่างของตัวละคร ... กับชีวิตจริง
ฟอสบอกว่า ฟอสเป็นคนที่ตรงๆ ไม่มีฟิลเตอร์อะไร ฟอสเป็นคนที่พูดแล้วจบ เตือนคือเตือน ห่วงคือห่วง เป็นคนที่มีอะไรแล้วก็จะเคลียร์แล้ว ถ้ามีอะไรที่ไม่โอเคก็จะพูดเลย ผมไม่ชอบอะไรที่มันค้างคา อยากจะให้มันจบเป็นเรื่องๆไป ฟอสคุยกับบุ๊คเสมอว่า ถ้ามีอะไรที่ไม่โอเคให้พูดกันเลย อาจจะมีบางครั้งที่ผมอาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่บุ๊คเค้าโกรธ บุ๊คก็จะพูดเลย ผมก็จะโทรไปขอโทษเขาเลยว่าไม่ได้ตั้งใจ
ดีเจแนนแซวๆว่า ทำไมพี่อาร์ค ตัวละครนี้ถึงซึนๆ จีบคนแบบแข็งกร้าน เข้าหาเค้าแบบแปลกๆ เช่น ตอนเลี้ยงข้าวเขา แล้วพูดว่า “เหมือนซื้อข้าวให้หมากิน” อะไรแบบนี้ บุ๊คได้แชร์มุมมองของตัวละครอาร์มว่า คิดว่าพี่อาร์คเป็นเหมือนเด็กอนุบาลที่แบบ ชอบใคร ก็เข้าหาแบบแปลกๆเลย แกล้งเค้าเลย จีบใครไม่เป็น ซึนๆ อึนๆ แล้วฟอสก็รีบบอกว่า แต่พี่อาร์คเป็นคนที่หยอดใคร ก็หยอดตรงๆเลยนะ ชอบอะไรก็บอกดิ เดี๋ยวจะไปหา แต่ถ้าตัวจริงชอบใคร ถ้าเลี้ยงข้าว ก็จะบอกเขาว่า “ไม่เป็นไรเลย”
บุ๊คได้เล่าถึงตัวละครอาร์มว่า คล้ายๆบุ๊ค แต่ในเวอร์ชั่นที่สดใสกว่าระดับนึง น้องอาร์มจะเป็นคนงงๆ ไม่เก่งเรื่องความรักเท่าไหร่ คือ อาร์มจะเก่งเรื่องคนอื่น ถ้าเป็นเรื่องของตัวเองก็จะไม่รู้ และ ตัวอาร์มก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาเป็นคนแบบนั้น ต้องรอติดตามว่าคืออะไร บางจังหวะน้องอาร์มรู้สึกว่า พี่อาร์คแค่กวนตีนป้ะวะ แบบว่าเขาคงไม่มาสนใจอะไรคนแบบเราหรอก ยังงงว่าการเข้าหาแบบนี้มันคืออะไร?
นอกจากนี้บุ๊คได้เล่าว่า ตัวเองเป็นคนที่ไม่ยอมให้ใครมาจีบก่อน และ แชร์เรื่องราวในอดีตว่าเคยชอบคนคนนึงมา 5 ปี โดยไม่บอกใคร เช่น สมัย Puppy love ใกล้ช่วงเทศกาล เราก็จะแอบซื้อของไปให้เขาแบบไม่แสดงตัว บุ๊คชอบทำงาน Handmade เราก็จะแอบทำไปให้ วันวาเลนไทน์ก็ทำ บางทีเพื่อนเขาก็รู้ ก็จะรู้สึกว่า ดีแล้วที่เพื่อนเขารู้ เพื่อนเขาจะได้ไปบอกเขา
วันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับ “ฟอส บุ๊ค” เล่นกันด้วย
ชื่อเกมว่า “กระทง หลงเธอออออออออ” แล้วมาดูกันว่าในคืนก่อนวันลอยกระทงแบบนี้
บรรยากาศการลอยกระทงใน STUDIO จะเป็นยังไง (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)
เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับ
ได้เข้ามาพูดคุยกับ “ฟอส บุ๊ค” (เข้าไปชมได้ใน Youtube : ATIME)
สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “ฟอส บุ๊ค” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความน่ารัก ความสุขให้กับรายการ และฝากซีรีส์ “สายรหัสเทวดา Perfect 10 Liners” ที่มีให้ติดตามกันมากถึง 24 EP ฟินกันจุใจกันไปเลย อย่าลืมไปติดตามรับชมกันนะค้า
สามารถเข้าไปรับชมกันได้ทาง
เจอกันใหม่ Week หน้าค่าา