
รายการ EFM FANDOM LIVE [ 31 กรกฎาคม 68] คืนนี้ขอต้อนรับ 3 หนุ่มหล่อมาแรง “สนยุกต์ – อาโป - ยูโร” จากซีรีส์เรื่อง ‘Shine’ พร้อมพูดคุยเมาท์มอยกับ “ดีเจแนน” และ “ดีเจดาว”

ในช่วงแรกของรายการ พี่ ๆ ดีเจอ่าน 6 จดหมาย
“EFM FANDOM LOVE LETTERS” ที่ถูกเลือกมาจากแฟน ๆ ส่งความในใจที่อยากจะบอกกับศิลปิน

จดหมายฉบับที่ 1 ชื่อจดหมายว่า... พร้อมจะ Shine ไปทุกที่กับซีรีย์ Gay แห่งปีของประเทศไทย
ขอบคุณศิลปินทุกคนที่เข้ามาให้รู้จัก นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกคุณจะถูกเรารักเป็นอย่างดี ทั้งการคอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในทุกๆส่วนที่สามารถไปหาได้ ไม่ว่าวันนั้นจะแดดออก ฝนตก หรือพายุเข้า ถ้าถนนไม่ทรุด น้ำไม่ท่วมทาง คุณจะได้เจอเราไปให้กำลังใจอย่างแน่นอน เพราะพวกคุณเหมือนกับความหมายของชายน์ ที่คอยเป็นแสงสว่างให้หัวใจเราอยู่เสมอมา รักและส่องสว่างแบบนี้ตลอดไปเลยนะ เหนื่อยวันไหนกำลังใจจากเราจะอยู่กับคุณ
Letter #1: This letter is titled... Get ready to stand out everywhere with Thailand's top Gay series this year.
Thank you to all the artists who have connected with us. From this day forward, you will have our unwavering love and support in every way possible. Whether it's bright and sunny or dark and stormy, as long as the road is safe to travel, you can count on us to be there cheering you on. You truly embody the spirit of Shine, lighting up our hearts. Let’s continue to love and shine together for all time. No matter how weary you feel, our encouragement will always be by your side.

จดหมายฉบับที่ 2 ชื่อจดหมายว่า... แสงอาทิตย์ก็สู้ไม่ได้ เพราะเธอ “shine” จนตาฉันลายไปหมดแล้ว
เย้ๆๆๆ สิ้นสุดการรอคอยแล้วค่ะ ดีใจ ตื่นเต้นและรู้สึก shine ไปพร้อมกับพี่ๆทุกคนเลย หนูดีใจที่ได้เติมมายอาโปสั๊กกกกกที!! และที่ดีใจไปมากกว่านั้นคือนอกจากพี่มายและพี่อาแปวสุดหล่อของหนู ยังมีพี่สนยุกต์ (แบบว่าพี่หน่ะเป็นพระเอกในวัย14 ของหนูเลยนะ) มียูโรด้วย ไม่คิดไม่ฝันเลยค่ะ
Letter #2: This letter is titled... The sun can't compete with you because your light makes my eyes go all blurry.
Hooray! The waiting is finally done! I’m filled with joy and excitement, and I feel like I’m glowing along with all of you. I’m thrilled to be adding Mile Apo! What makes me even happier is that alongside my charming P'Mile and P'Apo, we also have P'Son Yuke (my 14-year-old hero) and Euro. I never imagined I’d witness this.

จดหมายฉบับที่ 3 ชื่อจดหมายว่า... จากวันที่รอ พ.ศ.ที่ใจคิดถึง จากมุมมุมหนึ่งของดวงจันทร์นั้นเป็นอย่างไร
ในปี 2567 วันที่ 31 เดือนมกราคม ได้มีการประกาศซีรีส์เรื่องชายออกมาสู่สาธารณชน ให้แฟน ๆ ได้ติดตามกันอย่างล้นหลาม แล้วจนในที่สุดซีรีส์ที่เรารอคอยก็มาถึง อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์นั้นเป็นอย่างไร พร้อมกับเพลงทั้ง 9 เพลงที่ไพเราะมากแบบหูเคลือบทองแสงออกหูสุด ช่างดีงามเหลือคณาจริง ๆ ดีใจมาก ๆ ตื่นเต้นสุด ๆ ที่จะได้ชมผลงานเรื่องนี้แล้ว ขอให้ Shine The Series ปังปังปุริเย่ไปถึงดวงจันทร์เลยนะฮ้าฟ
Letter #3: This letter is titled... Since the moment I anticipated the year my heart longed for, how was it from that distant edge of the moon?
On January 31, 2024, the highly anticipated series 'Shine' was officially announced, and fans are eagerly tuning in. At last, the series we've all been looking forward to has premiered. What is the other side of the moon like? The soundtrack features nine stunning songs that are simply enchanting. It's incredibly enjoyable. I'm thrilled and excited to watch this show. I really hope 'Shine The Series' becomes a huge success and reach the moon.

จดหมายฉบับที่ 4 ชื่อจดหมายว่า... จดหมายจากสาววายผู้เหยียบดวงจันทร์ หมายเลข 1969
“หากนักบินอวกาศมีหน้าที่สำรวจดวงจันทร์ นักเศรษฐศาสตร์อย่างตฤณก็วางนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่ทหารอย่างไกรเลิศมีอำนาจในการบริหารประเทศและควบคุมเสรีภาพสื่อมวลชน นักข่าวอย่างณรันเองก็ต้องสอดส่องและรายงานข่าวอย่างระมัดระวัง ทั้งสามกลุ่มนี้จึงเกี่ยวโยงกันในด้านความรู้ อำนาจ และการสื่อสารกับประชาชนอย่างเลี่ยงไม่ได้” เขียนเองก็อินเอง ประเทศไทยกำลังจะมีซีรีส์เกย์การเมืองที่ดุเดือดที่สุดในยุคแล้ว
Letter #4: This letter is titled... Letter from fan girls who strolled on the Moon, No. 1969
"If astronauts are sent to explore the moon, economists like Trin will be in charge of creating economic and social policies. Meanwhile, soldiers like Krailert are given the authority to govern the nation and oversee press freedom, and journalists like Naran take on the crucial role of diligently tracking and reporting the news. These three groups are deeply interconnected when it comes to knowledge, power, and how they communicate with the public." On a personal note, I'm really invested in this. Thailand is on the brink of experiencing one of the most intense political movements related to the LGBTQ+ community in its history.

จดหมายฉบับที่ 5 ชื่อจดหมายว่า... Inspired to film
I have worked in TV as a video editor, but after watching your shows, and the love and dedication you put in to them, I have been inspired to write and direct my own LGBT film. I hope you can continue to inspire everyone from around the world, we love you very much.
Letter #5: This letter is titled... แรงบันดาลใจในการถ่ายทำภาพยนตร์
เคยทำงานเป็นช่างตัดต่อวิดีโอในวงการทีวี แต่หลังจากที่ได้ชมซีรีส์ของคุณ พร้อมทั้งเห็นความรักและความมุ่งมั่นที่คุณมีต่อผลงานเหล่านั้น มันทำให้ฉันมีแรงบันดาลใจในการลองเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ LGBT ของตัวเอง หวังว่าคุณจะยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนทั่วโลกต่อไปนะ เรารักคุณมากจริง ๆ ค่ะ/ครับ

จดหมายฉบับที่ 6 ชื่อจดหมายว่า... ฉบับสุดท้ายถึงสุดหล่อ ก่อนออกเดินทาง !
หากสุดหล่อได้อ่านจดหมายฉบับนี้ คนเขียนคงกำลังเดินทางไปอีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์แล้ว หลังจากที่รอชายน์ออนมาเกือบ 2 ปี ไม่มีอีกแล้ววันที่ออกไปกรีดร้องในคืนพระจันทร์เต็มดวงเพราะอยากดูชายน์ใจจะขาด ภูมิใจในตัวอาโปมากๆและเวลคั่มพี่สนกับน้องยูโรนะค้า แค่ตัวอย่างก็รู้เลยว่าต้องดังเปรี้ยง อยากปริ้นชายน์ทั้งเรื่องลงกระดาษแล้วเอาไปติดทั่วมุมถนน ให้คนทั้งประเทศได้ดู แล้วเจอกันอีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์
Letter #6: This letter is titled... The final note to the charming fellow before bidding farewell!
If this handsome fellow happens to read this letter, the writer is likely already on the other side of the moon, having waited nearly two years for Shine. I can’t imagine another full moon night filled with the same excitement as when I just want to see Shine so badly. I’m incredibly proud of Apo and excited to welcome P'Son and N' Euro. Based on the trailer alone, I can tell it’s going to be a massive success. I’d love to print out the entire Shine and post it on street corners for everyone in the country to enjoy. See you on the flip side of the moon!

เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ EFM FANDOM LIVE
มาต้อนรับ 3 หนุ่มหล่อ “สนยุกต์ – อาโป - ยูโร” อย่างเป็นทางการกันค้าบบ~

การมาเจอกันของทั้งสามหนุ่ม!
สนยุกต์: ไม่เคย ครั้งแรกเลย
ยูโร: ผมไม่เคยเจอเลยสักคน
อาโป: (ชี้ไปทางสนยุกต์) เขาเคยอยู่ช่องวันมาก่อน
สนยุกต์: อาโปเคยอยู่ช่องสาม
อาโป: (ชี้ไปทางยูโร) อันนี้อยู่ช่องเจ็ด เป็นการ cooperation ของวงการ

เปิดตัวแรงส์! ติดป้ายเป็น Original Gay Series เรื่องแรกของไทย
อาโป: คือก่อนหน้านี้มันเป็น BOY LOVE ดูจากสภาพพวกเราส่องกระจกแล้ว มันไม่เป็น BOY แล้วไง 555555+ มันแมนละพี่
ยูโร: 5555555+
สนยุกต์: มันโตแล้วไง
อาโป: เราก็ต้องเป็นแบบ MAN LOVE ไง แต่ Man Love มันอาจจะเข้าใจยากกับโลกใบนี้ เลยพูดว่า Gay Series แล้วกัน เพราะว่าผู้ชายมีอะไรกันก็ Gay ไง
สนยุกต์: BeOnCloud ชอบพูดตรง ๆ Gay Series ไปเลยง่าย ๆ

อ่านบทยังไม่ทันจบ ก็รู้เลยว่านี่คือ Original Gay Series
สนยุกต์: 555+ ตอนแรกเขาไม่ได้มีนิยาม เขาพึ่งมาคิด Gay Series หลัง ๆ นี้เองครับ ตั้งแต่ตอนช่วงถ่ายอยู่อะไรเงี้ย เพราะตอนแรกก็รู้อยู่แล้วแหละว่ามันเป็น BL
อาโป: แปลว่าพอถ่ายไปถ่ายมาก็คือเห็นแต่ละฉากคือมัน…
สนยุกต์: มันลึกขึ้น ๆ
ยูโร: เดี๋ยวรอดูฉากสักฉากในทีเซอร์นี่แหละ แล้วจะรู้ได้เลยว่ามันไม่น่าใช่ BL แล้ว
สนยุกต์: โตแล้ว โตกันแล้ว

เจ็บจี๊สส ครบรส นัวจบ ในเรื่องเดียว!
อาโป: มีทั้งดราม่า คอมเมดี้ และโรแมนติก
สนยุกต์: คือก็เป็นหนังพีเรียด ประวัติศาสตร์ แต่ว่าต้องบอกก่อนนะว่า ไม่ได้มาจากเหตุการณ์จริง เป็นการสมมติขึ้นมา แต่ว่าล้อมาจากช่วงยุคนั้นจริง ๆ

แต่ละคนทุ่มสุดตัว ทำการบ้านแน่นจนเหมือนระลึกชาติกลับไปเป็นคนยุคนั้น!
ยูโร: จริง ๆ แล้วก็ต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะนะเพราะว่าย้อนกลับไปในยุคที่แบบคุณปู่ด้วยซ้ำ เราก็ต้องไปดูคลิปเก่า ๆ ทางผู้กำกับก็ส่งมาให้ดู เป็นคลิปเกี่ยวกับวิถีชีวิตคนสมัยนั้นด้วย แล้วก็ในเรื่องผมรับบทเป็นนักข่าว ก็จะเป็นในเรื่องของเครื่องพิมพ์ดีดก็ต้องเอาไปซ้อมที่บ้าน (ทำท่าพิมพ์ แต่ก ๆๆ)
อาโป: อันนี้เรื่องจริงหรอ
ยูโร/สนยุกต์: จริง
สนยุกต์: เขาแบกเครื่องพิมพ์ดีดกลับบ้านเลย
ยูโร: แบกเครื่องพิมพ์ดีดมาเล่นอาทิตย์นึงอะ
อาโป: จริงหรอ แล้วอย่างนี้เวลาไปร้านกาแฟก็ต้องพกไปด้วยปะ
ยูโร: ไม่ เล่นที่บ้านก็พอแล้ว โอ้โหหห หนักนะ! 10 โลกว่า มันไม่ได้หาง่าย ๆ แล้วก็จะมีในเรื่องของกล้องฟิล์ม ผมก็ไปเรียนล้างฟิล์ม ไปเรียนอัดกรอบรูป ไปเรียนอะไรก็เยอะอยู่เพราะเป็นนักข่าวสมัยนั้นมันไม่มีแบบถ่ายแล้วออนแอร์ได้เลยแบบนักข่าวสมัยนี้คือใครก็เป็นสื่อได้ เจออะไรปุ๊บถ่ายทอดสดได้เลย มันก็ต้องมีการลองไปฝึกพิมพ์ฝึกอ่านหนังสือจากที่ไม่เคยอ่านหนังสือ พอเล่นเรื่องนี้ก็อ่านเพิ่มขึ้นมา
อาโป: โปก็ดูคลิปสมัยนู้นแล้วก็จินตนาการไปว่า เห้ย สมมติถ้าไม่มีโทรศัพท์เป็นยังไงวะ สมมติถ้าเกิดไม่มีคอมพิวเตอร์เป็นยังไงวะ แล้วสมมติถ้าเราอยากรู้อะไรบางอย่างเนี่ย เราต้องเดินออกไปข้างนอก ไปเจอผู้คน ไปพูดคุยกับคน ไปห้องสมุดอะไรเงี้ย มันเป็นยังไงหว่า แล้ว ณ ยุคนั้นอ่ะ การที่เด็กคนนึงอะ ได้เดินทางไปฝรั่งเศสเนี่ยเพราะว่าเนี่ยเล่นเป็นอาจารย์ ซึ่งจบป.ตรี โท เอก ที่ฝรั่งเศส เห้ย! ณ ยุคนั้นอะต่างประเทศนี่มัน โหห โก้มากเลยอ่ะ แล้วแบบมันต้องรู้สึกยังไงหว่าเพราะว่าโอเคยุคนี้โปมีโอกาสได้ไปฝรั่งเศสบ่อย ความรู้สึกคือมันว้าวอ่ะ แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากเลย แล้วเราก็เหมือนพอไปบ่อย ๆ เราก็รู้สึกธรรมดาแล้วเพราะมันมีหลาย ๆ ภาพ หลาย ๆ สถานที่เราเคยเห็นผ่านอินเทอร์เน็ต แต่ถ้ายุคน่ะ เราไปอ่ะ โอโห ทุกอย่างมันใหม่ แล้วมันคงล้ำมากเลย ก็เก็บความรู้สึกเหล่าเนี้ย แล้วก็จินตนาการแล้วก็อ่านบทเยอะ ๆ
สนยุกต์: ผมเล่นเป็นทหารในยุคนั้น เป็นทหารยศสุงด้วยนะครับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมทำเนี่ยก็คือ ผมต้องไปศึกษาความ tough ความหนักแน่นของทหาร ของผู้นำประเทศดีกว่า ใช้คำว่าผู้นำประเทศเลยเพราะว่าผมไปดูหลายคลิปมากนะว่าวิธีเวลาเขาพูดต่อหน้าสื่อ ต่อหน้าประชาชนเนี่ยเขาพูดกันยังไง แล้วก็สิ่งที่ผมทำการบ้านเยอะเนี่ยก็คือ ผมอยากเข้าใจทหารในยุคนั้น เวลาไปฟังย้อนเวลากลับไปเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เวลาดูคลิป ดู YouTube เนี่ยเขาจะพูดในฝั่งประชาชน ประชาชนเรียกร้องอะไร สิทธิเสรีภาพใด ๆ แล้วทหารอ่ะคิดยังไง เขาถึงมีอุดมการณ์แบบนั้น ผมก็ต้องไปทำความเข้าใจแหละว่ายุคนั้นน่ะเขาคิดกันยังไงจริง ๆ

ดีเจแนน: คุณในชีวิตจริง ๆ เคยรับบททหารมาก่อนไหมคะ?
สนยุกต์: ไม่เคย เคยรับแต่ตำรวจ ไม่ใช่ตำรวจที่ต้องมาย้อนยุคอะไรขนาดนี้
ดีเจแนน: พี่มายหล่ะ รับบทเป็นอะไรยังไง
อาโป: พี่มายรับบทเป็นฮิปปี้
สนยุกต์: ฮิปปี้คืออะไรอ่ะ
อาโป: เออ ฮิปปี้คือคล้าย ๆ ฮิปโป หมูเด้งอ่ะ! 55555555+
สนยุกต์/ยูโร: 55555555+
อาโป: ก็เหมือนที่เราพูดกันว่า โอเคอันนี้มันเกิดขึ้นในยุคปี 1969 โดยปกติแล้วเขาจะเล่าถึงปี 1950 ปี 1970 1980 2000 เนอะ แต่พอ 1960 ช่วงนั้นมันเกิดการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกเกิดขึ้น ทุกคนอยากเรียกร้องสิทธิ์ ไม่ว่าสิทธิ์อะไรก็ตามอ่ะ รวมถึง culture อ่ะมันถูกเปลี่ยนผ่านกันเยอะมาก โดยเฉพาะที่ไทย แล้วที่ไทยอ่ะเด็ก ๆ หรือผู้คนน่ะก็อยากเรียกร้องสิทธิของตัวเอง แล้วมันก็จะมีผลงานเพลงต่าง ๆ มาจากฝั่งอเมริกาด้วยที่ทุกคนพยายามจะเรียกร้องสิทธิในแบบผ่านเสียงเพลงในแบบของตัวเอง ซึ่งพี่มายคือตัวละครนั้น คือตัวละครที่เป็นฮิปปี้ ที่เขารักอิสระเสรีภาพ เบาเลยแบบจะปล่อยตัวเซอร์ ๆ แล้วเสื้อผ้าเขาจะแบบพลิ้ว ๆ ที่มันถ่ายทอดความชิลล์ ๆ ของตัวละครไปว่า จริง ๆ มันมีทั้งคนจริงจังในแบบของทหาร คนจริงจังในแบบของอาจารย์ คนจริงจังในแบบของนักข่าวที่ทุกคนต้องการเสรีภาพ แต่ในมุมนึงอ่ะ มันมีคนอย่างตัวละครธันวาที่ เห้ย! จริง ๆ ชีวิตมันชิลล์ได้ แล้วรสชาติเหล่านี้ รวมถึงอีกคนนึงคือน้องปีเตอร์ เขาเล่นเป็นนักศึกษาที่อยากได้อิสรภาพเหมือนกัน ตั้งคำถามว่า ‘ทำไมประเทศเรามันถึงไม่มีวะ’ แล้วไอ่ส่วนผสมเหล่านี้ของพวกเราทั้ง 5 คนหลัก ๆ เนี่ย มันเลยเกิดความ ‘Shine’ เกิดขึ้นเพราะว่า แต่ละตัวละครมีความ Unique เป็นของตัวเอง มันเลยมาผสมกันว่า เอ้ยเค เรื่องมันจะ Shine แบบไหน
ยูโร: แล้ว Shine แบบไหนอ่ะ
อาโป: เอออ ชายเหมี่ยง (ยิ้ม)
สนยุกต์/ยูโร: เอ้ออออ 5555555+
ดีเจแนน: แล้วอยากรู้ว่าพี่มายเขาไว้ผมยาวจริงไหม
อาโป: ไว้ผมยาวจริง ๆ ผมจริงเลย

ขนทัพนักแสดงรุ่นใหญ่ร่วมแจมแบบจัดเต็ม!
ยูโร: โห มีเยอะเลยนะ
สนยุกต์/อาโป: พี่นก สินใจ
ยูโร: มีพี่กบ
สนยุกต์: อ่า พี่กบ พิมลรัตน์
อาโป: พี่ปาน ธนพร
สนยุกต์: พี่ถา สถาพร

ออนแอร์ตอนแรก 2 สิงหาคมนี้
อาโป: เนี่ย อีกสองวัน คือโปว่านอกจากทีมนักแสดงที่เขามีประสบการณืเยอะอ่ะ ยังมีทีมตากล้อง ทีม Producer ทีมผู้กำกับเงี้ย
สนยุกต์: จริง ๆ เรื่องเนี้ยมีผู้กำกับ 3 คน นั่งอยู่หน้า monitor 3 คน คนนึงกำกับภาพ คนนึงกำกับการแสดง อีกคนก็คือพี่ปอนด์คือดูภาพรวม
ยูโร: ซึ่งกำกับภาพมี DP อีกคนนึงต่างหากอีกนะ
อาโป: เต็มที่มาก
สนยุกต์: ตากล้องคือพี่เปีย ซึ่งเขาเป็นตากล้องภาพยนตร์มาก่อน
อาโป: รุ่นเก๋าอ่ะ แบบโหถ่ายทำ
สนยุกต์: รู้มุมแบบดูมุมก็จะสังเกตได้ว่าแบบ เห้ย! มันเป็นงาน craft

อาโป: ทั้งเรื่องนี้เราใช้การ handheld หมดคือการ handheld มันดีไง มันคือการถือกล้องที่เมื่อไหร่ที่นักแสดงหายใจแบบไหน ตากล้องจะหายใจแบบนั้น แล้วแปลว่าในทุก ๆ การเคลื่อนไหวของกล้องอ่ะ มันสามารถถ่ายทอดได้ว่าอารมณ์ความรู้สึกตัวละครเป็นไง
ดีเจแนน: แล้วฉากที่ยูโรอยู่ในห้องนั้นน่ะ แล้วก็พูดคำนั้นแล้วตากล้องพูดด้วยปะ
ยูโร: ไม่ ๆ 55555+
อาโป: ตากล้องอาจจะพูดก่อนแล้ว 55555555+ พูดนำก่อน
ยูโร: ตอนแรกในบทไม่มี แล้วตากล้องพูดว่า ปึ๊บ! เราเลยผู้กำกับสนใจ เห้ย! อันนี้ดีนะ
ดีเจดาว: อันนี้เรื่องจริงปะ
ยูโร: ไม่จริง 55555555555+
อาโป: แต่ว่าความมีเสน่ห์ของเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่ภาพและบทและนักแสดงหรือมุมกล้อง มันคือเพลงเพราะว่าเรามี original soundtrack ทั้ง 9 เพลง ซึ่ง 9 เพลงนี้มันสามารถสื่อสารอารมณ์ของตัวละครทั้งหมดทั้งเรื่องนี้ออกมาได้คือ สมัยนี้เขาก็จะออกมาเป็น song by song เนอะ ออกมาแค่เพลงเดียว อันนี้เป็นทั้งอัลบั้ม แล้วมันจะบ่งบอกมาเลยว่าความรู้สึกของทั้งเรื่องนี้เป็นยังไง ซึ่งมันสามารถบอกความรู้สึกของเราในแต่ละวันได้ แล้วทั้ง 9 เพลงนี้มีทีม tero แต่งประมาณ 6-7 เพลง แล้วนอกนั้นเป็นพี่เจ มณฑล
ยูโร: แล้วมี producer เป็นระดับโลก
อาโป: (พยักหน้า) ใช่
ยูโร: คือนักร้องวง
สนยุกต์: OneRepublic
อาโป: ใช่ ๆ เพลง Far Side of the Moon ซึ่งจังหวะนี้เราหาฟังไม่ได้แล้ว ณ ยุคสมัยนี้ แล้วผมว่ามันเป็นความสบายที่มันกำลังบอกเราว่า เห้ย! ยูกล้าหรือยังล่ะ ยูกล้าที่จะข้ามไปดูพระจันทร์ฝั่งที่มันมืดอยู่ไหม ถ้ายูไม่เคยไป ยูลองไปแล้วยูถึงจะรู้

ซีรีส์นี้ไม่ต้องทำการบ้านมาก่อน ก็อินได้เต็มอารมณ์!
สนยุกต์: จริง ๆ แค่ตั้งใจดู EP1 ก็น่าจะโอเคแล้วนะเพราะมันจะมีรายละเอียด มีเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยอ่ะ ค่อย ๆ ดูไปเรื่อย ๆ ดูครั้งแรกอาจจะไม่เข้าใจ ดูครั้งสองเก็บรายละเอียด
ยูโร: ก็ยังไม่เข้าใจ 555555555+
อาโป: ไม่ คือมันมีสองช่องทางไง มันมี WeTV แต่ต้องสมัคร VIP เป็น UnCut แน่นอน เป็นเวอร์ชั่นเบา ๆ
ยูโร: มี Folk Song
อาโป: แต่เวลาที่เราฟังแบบ ‘Orchestic’ มันจะคล้าย ๆ กับ Orchestra มันคือวงมันใหญ่ไง แล้วมันก็สีกันแบบเมามันส์มาก เห็นมั้ยถ้าใครดูรอบแรกยังไม่เข้าใจในช่อง 7HD ก็ต้องตามไปดูที่ WeTV แบบ VIP ตอน 4 ทุ่มของทุกวันเสาร์ อีกสองวันเริ่ม

ในสามคนนี้ ใครแรงดีเอนเนอร์จี้เยอะไม่มีตก!
อาโป: อื้อ! พี่สนอยู่แล้ว
ยูโร: energy ก็คนนึง ฟิตก็คนนึง
ดีเจแนน: แล้วยูโรคืออะไร
ยูโร: ที่เห็น energy คือคนนี้ (ชี้ไปทางอาโป)
อาโป: โป introvert ครับ
ยูโร: อะไรก่อน เอามาจากไหน introvert
อาโป: ฟิตสุดต้องพี่สน
สนยุกต์: ดู trailer ยัง
อาโป: ดูกล้ามพี่สนใน trailer ยัง
สนยุกต์: ผมมีคำถามเหมือนกันทำไมเป็นผมคนเดียว
อาโป: เขาหล่อยันเส้นขนไงเพราะหล่อยันเส้นขน มันเลยต้องอวดกันซะหน่อย
สนยุกต์: จริง ๆ ผมอยากเล่าให้ฟังว่าผมอ่ะ เก็บโมเมนต์แบบนี้สำหรับโปรเจคที่ใช่จริง ๆ นะ คือถอดขนาดนี้ ผมไม่คิดว่าชาตินี้จะได้ถอดจริง ๆ แล้ว ผมเตรียมตัวหนักมาก
ยูโร: น้ำไม่กิน ผมไปถ่ายก่อนที่เขาจะถ่ายอันนี้วันนึง
สนยุกต์: พี่เล่าเอง ๆ 5555555+
อาโป: 55555555+ เซฟ ๆ
สนยุกต์: แต่รู้ว่าต้องเล่นเรื่องนี้ ผมคือตั้งใจบิลด์ ตั้งใจคือแบบเอาสัดส่วนให้มันได้ปุ๊บ 1 เดือนก่อนถ่ายเนี่ย ผมเริ่มตัดอาหารแล้ว ผมไม่ได้ตัดแบบฮาร์ดคอร์นะ แต่ว่าผมกินแค่แบบวันละ 2 มื้อครึ่ง เน้นโปรตีน ส่วน 1 สัปดาห์ก่อนถ่ายจริง ๆ อ่ะ ผมตัดน้ำ จะค่อย ๆ ตัด มันมีวิธีกินอยู่ โซเดียมตัดน้ำ กินน้ำน้อย วิธีที่นักกล้ามเขาประกวดกัน มันจะมีเวลากิน ตัดโซเดียม 1 อาทิตย์แล้วก็พยายามกินน้ำอย่าเกินปริมาณเท่านี้ แล้วคือก่อนถ่าย 1 วันคือกินน้ำน้อยมาก ๆ แล้วก็วันที่ถ่ายคือกินแป้งเยอะ ๆ เพื่อ boost ให้กล้ามฟู อะไรอย่างนั้นมันเป็นวิทยาศาสตร์การกีฬา
อาโป: แต่นี่คือฟูมากเลยนะ
ยูโร: อันนี้ซิกม่าจริง!

ในกองถ่าย ใครสายกินตัวจริง!
สนยุกต์: คิดว่าอาโปนะ โปน่าจะกินเยอะสุด เพราะว่าพวกผมสองคนพยายามตัดอาหารอยู่
ยูโร: เขากินแต่ไข่ ไข่อะไรของเขาก็ไม่รู้อ่ะ ไข่ผงอะไรขอเขาอ่ะ
สนยุกต์: เห็นผมยิงแอดไหม ผมขายอยู่ ขอบคุณนะที่ชงให้ (มองไปทางยูโร)
ยูโร: 555555555+ ก่อนเข้ารายการกิน 2 จานอ่ะ เมื่อกี้

ถ้าสลับบทได้ ขอไปเล่นเป็นคนนี้!
อาโป: ผมอยากเล่นเป็นพี่สน
สนยุกต์: ทำไมอ่ะ
อาโป: ผมอยากรู้ความว่าความหล่อนั้นจริง ๆ นั้นมันเป็นยังไง
สนยุกต์: อวยซะขนาดนี้
อาโป: เคยเข้าฉากกับเขา ผมแบบพี่แม่งหล่อว่ะ แล้วเสร็จปั๊บพี่สนก็บอก โห้ย แต่น้องก็หล่อเหมือนกันและในขณะที่เรายืนคุยอยู่อ่ะ ตากล้องยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วตากล้องแบบถอดหมวกแล้วส่ายหัว 555555+ ชมกันเอง
สนยุกต์/ยูโร: 55555555555+
อาโป: เราเลยนิยามซีรีส์เรื่องนี้ว่าเป็นซีรีส์ที่รวบรวมผู้ชายที่หล่อที่สุดในประเทศมารวมกัน หล่อหลายคาแรคเตอร์ คือเรากำลังบอกว่าแบบไหนก็หล่อหมด แค่ยู Shine ในแบบของตัวเองอ่ะ
ยูโร: ผมอ่ะอยากเป็นพี่มาย ภาคภูมิ ผมรู้สึกว่าชิลส์ แล้วมันน่าจะยากนะกับการเล่นที่แบบรักความสุขขนาดนั้นน่ะ
ดีเจแนน: ในขณะที่รอบตัวเขาตึงเครียดไปหมด
สนยุกต์/อาโป/ยูโร: (พยักหน้า) ใช่ ๆ 5555555555+
ยูโร: ทุกคนที่เขาคุยด้วยจะมีแต่ความเครียด แต่เขามีความสุขอยู่คนเดียว
อาโป: เพราะว่าทุกครั้งที่เขาพูดอ่ะ ก็จะพูดแบบนี้ทั้งเรื่อง (ทำเสียงเหมือนลอย ๆ)
สนยุกต์: เหมือนลอยมา
ยูโร: ผมเลยอยากเล่นเป็นพี่มาย
สนยุกต์: ผมก็เช่นกัน อยากเล่นเป็นมาย อยากเล่นเป็นธันวาเพราะตัวละครผมมันเหนื่อยอ่ะ 5555+
อาโป: ไม่ได้เหนื่อยเล่นนะ เหนื่อยเกร็ง 555555555+
สนยุกต์: ด้วยความเป็นทหารไงคือเราต้องแบบมีมากตลอดเวลา หลังตรงตลอดเวลา ชุดแน่นด้วย เวลาเดินก็ต้องเดินเป๊ะ ๆ คือแบบผมโดนทักในตอนถ่ายทำบ่อยมาก เห้ย สนเดินดี ๆ เดินเหมือนทหารหน่อยอะไรงี้ มันจะมีโมเมนต์เป๊ะเยอะอ่ะ แล้วผมเหนื่อย 5555555+
สนยุกต์: อยากเล่นสบาย ๆ ลอย ๆ บ้าง
อาโป: พอชุดตึงแล้วก้นเขาเด้งนะ ไปดูได้ในซีรีส์
สนยุกต์/อาโป/ยูโร: 55555555+

1 ประโยคให้การทำงานของพี่ปอนด์และทีมผู้กำกับทุกคน!
อาโป: ขอให้คำว่า ‘มันส์’
สนยุกต์: ให้คำว่า ‘ระดับโลก’
ยูโร: ผมให้คำว่าโอ้โหการทำงานแบบนี้คือ ‘โคตรซิกม่าเลยว่ะ’

ดูเรื่องนี้ได้อะไรดี ๆ กลับไปแน่นอน!
ยูโร: ผมว่าน่าจะได้บรรยากาศในยุค 1969 แล้วกันเพราะว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของพร็อบหรือว่าในเรื่องของสถานที่อย่างเงี้ยเราไปถ่ายทำจริง ๆ ในสถานที่ที่มันเหมือนมาก ๆ แล้วเรา set ออกมาให้เหมือนยุคนั้นจริง ๆ ซึ่งบอกว่าตรงนี้หลาย ๆ คนอาจจะเกิดไม่ทันหรือว่าเป็นยังไง ผมว่าเรื่องนี้สามารถทำออกมาได้แบบดูบรรยากาศ ดูป้าย ดูต่าง ๆ เนี่ยคือผมว่าแบบคือใช่เลยอ่ะยุคนั้น
อาโป: แล้วผมว่าพวกเราโชคดีตรงที่มี ททท. และกระทรวงพาณิชย์ support เราเลยได้แบบสถานที่ต่าง ๆ ที่เขาไม่ได้เคยให้ใครไปถ่ายมาก่อน เช่น โรงหนังเฉลิมกรุง
สนยุกต์: ซึ่งเขาไม่เคยให้ใครมาถ่ายก่อน
อาโป: แล้วก็มีอีกหลาย ๆ ที่ ที่มันเป็นวังอะไรเงี้ย ที่พอเข้าไปถ่ายอ่ะ มันจะเป็นตึกเก่า แล้วอีกอย่างมันจะมีซีนทะเลอะไรงี้ เขาก็ปิดหากให้เลย เจ๋งมากเลย แล้วก็ได้นักแสดงที่อยู่ที่นั่นน่ะ ที่เขาเป็นนักแสดงจริง ๆ นะ แล้วเขาผ่านการ cast กันเข้ามาเพื่อเล่นในเรื่องนี้ คิดว่าเออเจ๋งดี
สนยุกต์: ผมว่าจะได้เห็นว่าคือตั้งแต่สมัยนั้นน่ะ การเรียกร้องสิทธิ เรียกร้องความแตกต่างเนี่ยมันก็มีมาตั้งแต่สมัยก่อน จนกระทั่งทุกวันนี้มันก็ยังมีเป็นเหมือนที่ผ่านมาเพราะฉะนั้นมันอยู่ทุกยุคทุกสมัยคือเรื่องนี้ ผมว่ามันได้สะท้อนให้เห็นว่าสมัยก่อนมันก็มี สมัยนี้มันก็มีแล้วมันก็จะมีตลอดไป คือธรรมชาติของโลกนี้ ทั้งความเชื่อ ทั้งด้านการเรียกร้องสิทธิใด ๆ นะครับ
ดีเจแนน: เคยคิดไหมทำไมมันถึงมีการเรียกร้องในเรื่องของแบบสิทธิหรือเสรีภาพแบบในทุกยุคแบบไม่มีที่สิ้นสุด เพราะอะไร?
สนยุกต์: คือมันเป็นเรื่องของการเมือง อำนาจหรือคือคนเรามันมีหลายรูปแบบ บางคนก็ต้องการเรียกร้องอิสรภาพ บางคนก็ต้องการความมั่นคง ความสงบอะไรงี้คือมันมีหลายมิติ คือคนมันคิดต่างกันทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว แค่แบบเราจะอยู่กับตรงนี้ ปัจจุบันนี้ยังไงให้เราไม่ทุกข์เพราะความเชื่อที่แตกต่างกัน

เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เสิร์ฟโมเมนต์ความฟินให้กับแฟน ๆ ซีรีส์
ให้ “สนยุกต์ - อาโป - ยูโร” ได้โทรกลับหาแฟน ๆ ให้เข้ามาพูดคุยกัน (เข้าไปชมได้ใน Youtube: ATIME)
สุดท้ายนี้… รายการ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “สนยุกต์ – อาโป - ยูโร” มาก ๆ ที่มาร่วมพูดคุยกันแบบสนุกสนาน เอนจอยให้กับเหล่าแฟนคลับ แฟน ๆ อย่าลืมไปติดตามซีรีส์เรื่อง ‘Shine’ ซีรีส์เกย์แห่งปี ทุกวันเสาร์ เวลา 21.00 น. ทาง WeTV และช่อง 7HD กันด้วยน้า เริ่มเสาร์ที่ 2 สิงหาคมนี้ตอนแรก!

สามารถเข้าไปรับชมความสนุกสนานกันได้ทาง
เจอกันใหม่ Week หน้าค่าา
