17 มี.ค. 2023
“ซันนี่ เกวลิน” ศิลปินลูกครึ่งไทย-จีน กับการกลับมาไทยในรอบ 3 ปี พร้อมเจาะลึก ‘ตัวตนไหนที่ใช่เธอ?’
ในวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา รายการ EFM Fandom live ได้แขกรับเชิญสุดพิเศษที่อิมพอร์ตมาจากเมืองจีน! เป็นการกลับไทยในรอบ 3 ปีของ “ซันนี่ เกวลิน บุญศรัทธา” นักร้องชาวไทยเชื้อสายจีน มาพูดคุยกันในรายการ โดยเธอเป็นอดีตสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปจีนที่ชื่อว่า “ร็อกเก็ตเกิร์ลส์ 101” หลังจากจบอันดับที่ 8 ของรอบชิงชนะเลิศในรายการ “พรอดิวซ์ 101” ต่อมาเธอได้มีเพลงเดี่ยวเพลงแรกของเธอที่ชื่อว่า "Don't Cry" อีกด้วย และไม่เพียงเท่านั้นที่ไทยเองก็ยังมีแฟนคลับตัวตึงที่ตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของซันนี่อยู่เสมอ จะเป็นใครไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ “คุณฝ้าย” แอดมินจากเพจเฟสบุ๊ค “Sunnee fc thailand” โดยคุณฝ้ายเล่าว่าชื่อด้อมของซันนี่นั้นชื่อว่า “太阳星 ไท่ หยาง ซิง” หรือ Sun Star (ไท่หยาง แปลว่า พระอาทิตย์ ซิง แปลว่า ดาว) มันเกิดจากการที่เวลาซันนี่แนะนำตัว เธอมักจะแนะนำตัวว่า ”สวัสดีค่ะฉันชื่อซันนี่เป็นพระอาทิตย์ดวงโตของทุกคน” ภายในด้อมแฟนคลับก็เลยโหวตกันว่า อยากให้มีชื่อด้อมคล้องกับที่ซันนี่แนะนำตัว และยังพูดคุยถึงฉายาประจำตัวของซันนี่ อย่าง บอสหยาง, น้องฉิง , น้องนี มาเริ่มกันที่ “บอสหยาง” เกิดจากการที่พี่ๆ ทีมงานชอบเรียกน้องว่าบอสหยาง จนสุดท้ายน้องก็เลยนำมาตั้งเป็นชื่อสตูดิโอที่ทำงานที่จีน ต่อมาคือน้องฉิง หรือ “ฉิง เอ๋อ เม่เม๋” ฉิงมาจากชื่อจีน แปลว่า มีแดดออก สดใส เอ๋อ เป็นภาษาจีนที่เติมเข้าไปเพื่อให้คำมันดูน่ารัก เม่เม๋ แปลว่า น้องสาว ส่วน ”น้องนี” คือมาจากชื่อเล่นจริงๆ ของน้อง และบริษัทเห็นว่าน้องบุคลิกสดใส เลยตั้งสเตจเนมว่า Sunny แต่เปลี่ยนข้างหลังเป็น nee แทน และแฟนคลับของน้องไม่ได้มีแค่ที่จีนเท่านั้น มีทั้งประเทศไทย, สิงคโปร์, ฮ่องกง, มาเลเซีย เป็นประเทศที่ใช้ภาษาจีนเป็นหลัก รวมไปถึง ตอนที่มีคอนเสิร์ตที่จีนก็มีแฟนคลับจากประเทศญี่ปุ่นด้วย แฟนคลับเยอะขนาดนี้ แน่นอนว่าผลงานของน้องก็เยอะมากๆ เช่นกัน ซึ่งน้องมีผลงานที่โดดเด่นที่สุดเลยคืออัลบั้มแรกที่วางขายในจีน เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ชื่ออัลบั้มว่า "How's The Weather Today?" (ฮาวส์ เดอะ เวทเธอร์ ทูเดย์) ซึ่งชื่ออัลบั้มนี้มาจากแฟนเพจใน Facebook ที่ตามถ่ายรูปให้ซันนี่ ตั้งแต่สมัยที่น้องอยู่ไต้หวัน-ไทเป ซึ่งอัลบั้มนี้ขายดีมากกว่า 11,000,000 หยวน (ประมาณ 55 ล้านบาท) ซึ่งก่อนหน้านั้นมีระยะเวลาที่พรีเซลล์ซึ่งขายได้ 10,000,000 ก่อนเปิดขายจริง โดยยอดเป็นอันดับที่ 72 ของอัลบั้มที่ขายดีตลอดกาลในจีน และมีผู้ติดตามน้องใน ”เหว่ยป๋อ” 22.1 ล้านคน และสาเหตุที่น้องมีแฟนคลับมากมายที่คอยสนับสนุนขนาดนี่คงจะหนีไม่พ้นอุปนิสัยของน้องเวลาสื่อสารหรือเจอแฟนคลับ น้องจะชอบเป็นคนที่ขี้แกล้งขี้หยอก เสมอ โดยคุณฝ้ายได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่น้องไปออกรายการจีนชื่อรายการว่า “Roast” (แปลว่า เผา) ซึ่งเป็นรายการแรกๆ เลยหลังจากที่เดบิวต์เป็นวงร็อกเก็ตเกิลส์ ไปกับเพื่อนสมาชิกอีกคนหนึ่งในวง และ concept ของรายการคือให้ดาราศิลปินมาเผากัน แหย่เล่นกันเอง ซึ่งน้องเองก็โดนแซวว่า เนี่ยอ่านภาษาจีนยังอ่านไม่ออกเลยนะ ซันนี่ก็เลยแซวกลับไปว่าฉันเป็นคนไทยนะ เธอก็ยังอ่านภาษาไทยไม่ออกเลยใช่มั้ยล่ะ โดยยกประโยคที่ว่า “ยายกินลำไยน้ำลายยายไหลย้อย” ให้เพื่อนฟัง พร้อมกับตบท้ายด้วยประโยคท้าทายว่า “คุณเข้าใจไหมล่ะ” อือหือแสบใช่ย่อยเลยล่ะ และเมื่อน้องได้เข้าวงการตั้งแต่อยู่ที่ไต้หวันจนถึงปัจจุบันรวม 10 กว่าปี ตั้งแต่อายุ 15-16 พอน้องกลับมาที่ไทยแฟนคลับก็ไปรอรับที่สนามบิน ซึ่งในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา คุณฝ้ายเองก็มีการ โปรโมทหนักมากทั้งช่องทางโซเชียลมีเดีย จนน้องมีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น ทำให้แฟนคลับที่ไปรับที่สนามบินตอนนี้มีประมาณ 100 กว่าคนจากวันแรกที่เดบิวต์ rockets girls มีแค่ 30-40 คนเท่านั้นซึ่งแน่นอนว่ามีคลิปคลิปหนึ่งที่เป็นไวรัลที่สามารถตกแฟนคลับเข้าด้อมเพิ่มได้ นั่นก็คือคลิปที่น้องร้องเพลง”โต๊ะริม ของนน ธนนท์” โดยที่ไทยชาวโซเชียลก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า ”ทำไมคนจีนคนนี้ร้องเพลงไทยเพราะจัง” และคนจีนเองก็งงว่า “คนนี้เป็นคนไทยหรอ? ทำไมร้องเพลงไทยชัดจัง” และมีเรื่องน่ารักอย่างแรกของน้องเลยก็คือแฟนคลับมักจะแซวน้องในแพลตฟอร์ม TikTok ว่า “นี่แอคจริงหรือ แอคหลุม” เพราะ TikTok ของน้องเพิ่งเปิดใช้ได้ไม่นาน น้องเองก็ไม่ค่อยได้ลงรูปหรืออัพเดตอะไร ซึ่งคนติดตามใน TikTok ประมาณ 8,000 คน แต่คนติดตามในเพจเฟสบุ๊คแฟนคลับประมาณ 160,000 คน เลยถูกแซวตามประโยคข้างต้น ซึ่งสามารถไปติดตาม TikTok ของน้อง @sunnee_kewalin ให้กลายเป็นแอคจริงได้สักที เรื่องน่ารักต่อมาคือ แรงผลักดันที่ทำให้น้องมีความตั้งใจที่จะโด่งดังให้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากป้าข้างบ้านเพราะสมัยที่น้องเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ชอบทักว่าทำไมถึงไม่เรียนให้จบ น้องเองก็ไม่อยากหน้าแตกจึงเกิดเป็นพลังไฟในครั้งนั้นที่นำพาน้องจนประสบความสำเร็จ เรื่องน่ารักอย่างสุดท้ายคือน้องเคยมาร์คหน้าไปซื้อกาแฟ จนล่าสุดมีพนักงานที่ร้านมาคอมเม้นต์ใน TikTok ของแฟนคลับว่า “จำน้องได้ว่าน้องมาร์คหน้ามาซื้อของตลอด” ไม่เพียงแต่มาส์กหน้าออกไปซื้อของเท่านั้น เวลาน้องออกไปเที่ยว น้องก็แทบจะไม่แต่งหน้าเลย จนถึงขนาดที่ว่าแฟนคลับคิดว่าน้องไม่มีเครื่องสำอางติดที่บ้านเลย นอกจากนี้น้องยังเคยให้สัมภาษณ์ด้วยว่า “ถ้าเราพึ่งการแต่งหน้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ละพึ่งมันไปเรื่อยๆ มันอาจจะทำให้วันนึงเราจะไม่มีความสุขกับหน้าตัวเอง” และขอย้อนกลับไปถึงเรื่องกาแฟที่น้องชอบซื้อดื่มประจำนั่นก็คือ “ไอซ์ อเมริกาโน่” มักจะถือติดมือตลอด ในส่วนของอาหาร น้องก็จะไม่ค่อยกินอาหารที่ยากๆ (ทั้งยากต่อการทำและยากต่อการกิน) จะกินของง่ายง่ายเช่น ผัดกะเพรา ข้าวเหนียวหมูปิ้ง บะหมี่หมูแดง และนอกจากเรื่องอาหารเครื่องดื่มที่น้องชอบแล้วแล้ว ในตอนนี้ซันนี่เองก็กำลังให้ความสนใจกับการเที่ยวชมคอนเสิร์ตที่เมืองไทย เพราะต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ว่าคอนเสิร์ตในไทยเป็นอย่างไร ศิลปินท่านอื่นๆ ในไทยมีวิธีการดึงความสนใจผู้ชมแบบไหน โดยซันนี่เองก็มี “พี่เบิร์ด ธงไชย” เป็นไอดอล รวมไปถึงศิลปินชายอีกคนที่เขาชอบมากๆ เลยก็คือ “ต่อ ธนภพ” และอยากร่วมงานกับศิลปินของเมืองไทยคนอื่นๆอีกด้วย เช่น โบกี้ ไลอ้อน, พีพี กฤษฏ์ และแฟนคลับเองก็อยากเห็นน้องได้ร่วมงานกับศิลปินเหล่านี้เช่นกัน เพราะอยากให้น้องมีความสุข ซึ่งก่อนหน้านี้ซันนี่เองก็ได้ร่วมงานกับศิลปินไทยไปแล้วกับเกิร์ลกรุ๊ปสัญชาติไทยอย่างวง “VYRA(ไวร่า) เพลงต๊ะต่อนยอน” นั่นเอง โดยเป้าหมายต่อไปที่น้องสนใจอยากจะทำคงหนีไม่พ้นการได้มีส่วนร่วมในการทำเพลงมากขึ้น อยากจะลองร้องเพลงสไตล์ใหม่ๆ หรือมีเวทีที่น้องจะได้ร้องเพลงต่อหน้าคนหลายๆ คนที่ตั้งใจมาฟังน้องร้องเพลง และสุดท้ายนี้คุณฝ้ายที่เป็นตัวแทนของแฟนคลับหลายๆ คนก็อยากจะฝากถึงแฟนคลับคนอื่นๆ ว่า “ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ทุกๆ คนเป็นคนสำคัญที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ และฝ้ายเองก็คิดว่าคนในด้อมก็มีนิสัยเหมือนกันนั่นก็คือชอบของยาก ชอบความท้าทาย เลยทำให้เราหากันเจอ”และอยากฝากถึงซันนี่ว่า “อยากให้น้องมีความมั่นใจเยอะๆ เพราะน้องมีเสน่ห์ในตัวและมีความน่ารักในตัวที่รอให้คนมาเห็น ขอให้น้องเป็นตัวของตัวเอง น่ารักกับทุกคนแบบนี้ไปนานๆ ขอให้ประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ตั้งใจ ในเรื่องของหน้าที่การงานก็ขอให้มีผู้ใหญ่เอ็นดูน้องเยอะๆ ค่ะ” คุณฝ้ายกล่าวและก็มาถึงช่วงที่เราจะได้เจาะลึกถึงตัวตนของซันนี่กันแล้ว จากที่คุณฝ้ายเล่าว่าน้องมีหลายคาแรกเตอร์ ซึ่งคาแรกเตอร์แรกคือ”คาแรกเตอร์ซันนี่” จะเป็นลุคที่มีความเป็นบอส เซ็กซี่ๆ ส่วน”คาแรกเตอร์เกวลิน” จะเป็นลุคน่ารักขี้เล่น ซึ่งในรายการวันนี้ คุณฝ้ายและดีเจทั้งสองคนเองก็ไม่แน่ใจว่าน้องจะพกคาแรกเตอร์แบบไหนมา ไปติดตามกันได้เลย!‘เปิดโมเม้นท์สุดประทับใจกับการกลับมาประเทศไทยในรอบ 3 ปี’อย่างที่บอกไปว่าช่วงโควิดที่ผ่านมา ซันนี่ ก็ไม่ได้กลับมาประเทศไทยนานมาก ถ้ารวมแล้วก็ระยะเวลากว่า3ปีแล้ว ดีเจดาวจึงเอ่ยแซวเรื่อง Vlog ของซันนี่ ที่ไปเห็นโมเม้นสุดน่ารักของคุณพ่อคุณแม่ไปรับและยังปลอกทุเรียนมาให้อีกด้วยซันนี่เองจึงตอบว่า ใช่แล้วค่ะ จริงๆ แล้วอยู่ที่จีนก็ได้ทานเหมือนกัน แต่ที่นู่นเขาจะเป็นแบบนิ่ม ส่วนเราเองจะชอบแบบกรอบมากกว่าค่ะ พอพูดถึงทุเรียนกรอบดีเจพี่แนนเลยเล่นมุขว่า แล้วแบบนี้ทำไมไม่ทานทุเรียนกรอบเอาล่ะคะ (หัวเราะ) ซันนี่จึงบอกว่า จริงๆ แล้วหนูทานได้แค่ทุเรียนจริงส่วนที่ผ่านกระบวนการอื่นหนูไม่ค่อยทานเลยค่ะ ดีเจแนนและดีเจดาวก็ต่างเซอร์ไพรส์ จึงแซวซันนี่บอกว่า ต้องลองซักครั้ง อย่างทุเรียนทอดก็ถือเป็นมรดกโลกเลยนะ ซันนี่ยิ้มขำพร้อมบอกว่า ได้เลย ไว้หนูจะลองดูค่ะพร้อมบอกเล่าความประทับใจที่เหล่าแฟนคลับต่างไปรอต้อนรับตนกลับไทยที่สนามบิน เพราะตนไม่คาดคิดว่าจะมีแฟนคลับที่ประเทศไทยมากขนาดนี้ จึงส่งผ่านคำขอบคุณแฟนคลับ Sunstar 太阳星 ทุกคนที่ผลักดันตนมาถึงจุดนี้และคอยซับพอร์ตเราอยู่เสมอ ทำให้ซันนี่เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกด้วย‘ความฝันในวัยเด็ก สู่ ความสำเร็จในปัจจุบัน’พอพูดมาถึงการเป็นศิลปินแล้ว ดีเจพี่ดาวก็เลยเอ่ยถามว่า เด็กหญิงซันนี่ในวัยเด็ก นอกเหนือจากความฝันหรือการเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว ซันนี่มีอาชีพอะไรอีกมั้ยที่อยากจะทำ ตัวซันนี่เองจึงตอบอย่างชัดเจนเลยว่า ไม่มีเลยค่ะ แต่ตอนเดบิวท์แรกๆ และเราหายไปประมาณ 3 ปี มันก็มีช่วงที่เราคิดเหมือนกันค่ะ ว่าการเป็นดารานักร้อง ก็คงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ก็เลยเรียนการโรงแรมไว้ เผื่ออนาคตจะสามารถมีอาชีพรองรับเราไว้ด้วยซึ่งเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าการไปเป็นศิลปินที่ต่างประเทศความยากลำบากอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องภาษา แล้วตัวซันนี่เองพบปัญหาอะไรบ้างด้านนี้ ซันนี่จึงตอบว่าจริงๆ แล้ว ภาษาไม่ใช่อุปสรรคเท่าไหร่เลยค่ะ เพราะตอนอยู่ไทยเราเรียนภาษาจีนอยู่แล้วด้วย พอไปอยู่ได้ซักพักก็เริ่มพูดคุยได้ค่ะ แต่ตอนนี้ก็อาจจะยังไม่ถนัดการเขียนซักเท่าไหร่ ซึ่งเราก็ได้ใช้ภาษาจีนกับคุณพ่อมากขึ้นด้วยเพราะคุณพ่อเป็นคนจีนค่ะ จนหลังๆมาก็ไม่ได้ใช้ภาษาไทยกับคุณพ่อเลยค่ะ (หัวเราะ) มีใช้ภาษาไทยก็กับน้องชายเลยค่ะ เพราะเขาชอบโทรมาคุยด้วยบ่อยๆ ตอนอยู่ที่จีน แต่ว่าตอนคุยกันก็ไม่ค่อยใช้ภาษาสุภาพซักเท่าไหร่ค่ะ (หัวเราะ) ตอนกลับมาไทยก็เลยยังไม่ชิน รอบหลังเลยต้องให้น้องชายพยายามพูดภาษาสุภาพกับเรามากขึ้น ในอนาคตเผื่อเราจะต้องใช้ในการทำงาน ก็เลยจะกลัวดูไม่ดีซักเท่าไหร่ค่ะ‘แพลนในอนาคตกับการกลับมาทำงานในประเทศไทย’ซันนี่เองก็ได้กล่าวกับทางรายการว่า รู้สึกว่าปีนี้ถือเป็นปีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของตนมากๆ จึงอยากที่จะไปในจุดที่ตน อาจจะยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน ซึ่งประเทศไทยก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นที่เราสนใจ หรือในอนาคตเราก็อยากที่จะให้ทุกคนรู้จักเรามากขึ้น ก็เลยค่อยๆ ดูไป และยังคงหาโอกาสให้กับตัวเองเรื่อยๆเลยค่ะโมเมนต์สุดน่ารักของ ’ซันนี่’ กับศิลปินไทยที่ตนชื่นชอบ- ตำนาน อุ้ย !! เฮ้ย !! ว๊ายย !!เมื่อดีเจแนนเอ่ยแซวถึงดาราไทยที่ซันนี่ชื่นชอบอย่าง ‘ ต่อ ธนภพ ‘ ซันนี่ก็ถึงกับเสียอาการและตอบกลับมาว่า ถ้าตามสเปคจริงๆ ของหนูเลย ก็เป็นลุคคล้ายๆ พี่ต่อเลยค่ะ สูง ตาโต ดูสะอาดสะอ้าน จริงๆ เราชอบและชื่นชมผลงานการแสดงของเขามากกว่า เพราะเรารู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ในแบบของเขาเวลาเล่นละครมากๆ เลยค่ะดีเจแนนจึงถามถึงล่าสุดที่ทาง ต่อ ธนภพ ได้มีการมาตอบคอมเมนท์ตนในไอจี เป็นอย่างไรบ้างกับความรู้สึกตอนนั้น ซันนี่จึงเล่าโมเมนต์นั้นให้ฟังว่า ตนพึ่งเห็นเมื่อเช้าตอนกำลังเช็คโทรศัพท์ แล้วพอเห็นปุ๊บรีแอคชั่นที่ออกมาก็อุทานเลยค่ะว่า” อุ้ย!! เฮ้ย!! ว๊ายย!! น้อย!” ซึ่งน้อยก็คือน้องเราเอง แล้วกว่าหนูจะตอบกลับเขาก็คือพิมพ์แล้วลบทิ้งหลายรอบมาก รอบแรกพิมพ์ว่า ‘ สวัสดีค่ะ หนูซันนี่นะคะ’ แล้วลบทิ้ง รอบสองก็พิมพ์ใหม่ ‘ พี่ต่อติดตามหนูหน่อยได้มั้ย’ แล้วก็ลบอีกค่ะ (หัวเราะ) แล้วก็พิมพ์อีกว่า ‘พี่ต่อ หนูซันนี่นะคะ’ จนสุดท้ายกว่าจะกดส่งก็กลายมาเป็น “ อุ้ย เฮ้ย ว๊ายย “ เนี่ยแหละค่ะ เพราะตรงกับความรู้สึกตอนนั้นเราดี (หัวเราะ) ซึ่งโมเมนต์การเล่าเรื่องของซันนี่ก็ทำให้สร้างเสียงหัวเราะให้พี่ดีเจทั้งสองไปตามๆกัน- ศิลปินไทยคนไหนที่อยากร่วมงานด้วยที่สุดเมื่อดีเจดาวถามซันนี่ถึงศิลปินที่ตนอยากร่วมงานด้วยในไทยคือใคร ตนก็ตอบกลับมาอย่างไวเลยว่า ‘พี่เบิร์ด ธงไชย’ ซึ่งคำถามนี้เวลาตนให้สัมภาษณ์ที่ไหนตนก็จะให้คำตอบเดิมเสมอ เพราะเราชื่นชอบมาก ตั้งแต่ตนเกิดมา 26 ปี ก็ยังไม่เคยเจอเลย และยังไม่มีโอกาสได้ไปคอนเสิร์ตด้วย เรารู้สึกว่าเพลงของพี่เบิร์ดหลายเพลงเวลาเราเฟล เราได้ฟังก็ทำให้รู้สึกดีไปด้วยค่ะพฤติกรรมแปลกที่คนอื่นไม่เคยรู้คิดว่าพฤติกรรมของเราที่คนอื่นไม่น่าจะทำคืออะไร ซันนี่จึงตอบว่า จริงๆ ไม่รู้ว่าแปลกมั้ยนะคะ ไม่รู้คนอื่นเป็นมั้ย แต่เวลาที่เราไปพักโรงแรมสิ่งแรกที่มักจะดูก่อนก็คือ ห้องน้ำค่ะ เพราะส่วนตัวเราเป็นคนซีเรียสเรื่องห้องน้ำ เรื่องความสะอาดอะไรแบบนี้ รวมไปถึงเช็คพวกเสื้อคลุมอาบน้ำ และฝักบัวด้วยว่าสกปรกมั้ย ถ้าสกปรกก็จะเอาแอลกอฮอล์มาเช็ดเลย ซึ่งคิดว่าแปลกตรงที่ก็ซีเรียสอยู่แค่ห้องน้ำนี่ล่ะค่ะ (หัวเราะ) อีกอย่างเป็นพวกความรู้สึกซะมากกว่าค่ะ อย่างเวลาทำงานถ้าสตูดิโออะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับหรือเซ้นท์มั้ย แต่ก็จะมีบางที่ที่รู้สึกอึดอันหรือเวียนหัวแต่พอทำงานเสร็จออกมาก็กลับมาปกติแบบนี้ก็มีค่ะ หรืออย่างพวกโรงแรมที่เราไปพัก ถ้าห้องไหนที่เราเข้าไปแล้วรู้สึกว่า มืด หรือหัวตื้อๆ อะไรแบบนี้ ก็จะย้ายโรงแรมเลยค่ะการ ’เปลี่ยนแปลง’ ที่ดีเพื่อ ’ความรัก’ และ ’แฟนคลับ’หลังจากดีเจทั้งสองเอ่ยปากชมความชิล ความเป็นตัวของตัวเองของซันนี่ในรายการแล้ว ดีเจแนนก็เกิดคำถามว่า ทำไมซันนี่ถึงคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่มั่นใจ ซันนี่จึงบอกว่า เมื่อก่อนตนเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองซักเท่าไหร่ ตนจึงพรีเซนท์ตัวเองในรูปแบบความสดใส และปล่อยเอเนอจี้ที่ดีออกมาให้คนที่เรารักดีกว่า และด้วยความเราอยู่และทำงานที่จีนด้วย ถ้าเรายังไม่มีความมั่นใจ หรือเซนซิทีฟกับปัญหาต่างๆ เราคิดว่า มันก็จะทำให้คนที่ชื่นชอบเราเขาก็รู้สึกดาวน์ไปด้วย หรือถ้าวันไหนเรารู้สึกสภาวะจิตใจเราไม่ค่อยดี เราก็จะบอกกับแฟนคลับตามตรงเลยค่ะ เพื่อที่จะกลับไปปรับตัวเองให้กลับมาเป็นซันนี่คนเดิมตามปกติค่ะ และนอกจากนี้น้องยังได้เปิดเผยความรู้สึกตอนที่ได้คุยกับแฟนคลับว่า “หนูรู้สึกเฟล ในเรื่องของหน้าที่การงานในปีที่แล้วมาก เพราะมีปัญหาหลายอย่าง และในปีนี้ที่กลับมาไทยคือกลับมา”ชาร์จแบต”(หมายถึง พักผ่อน เติมพลังกายพลังใจ) กลับมาหาความมั่นใจของตัวเองอีกรอบ จริงๆในใจก็รู้สึกกลัวมากที่มารายการในวันนี้ กลัวจะทำออกมาได้ไม่ดี ที่ต้องไลฟ์สดคุยกับทุกๆคน และต่อมาคือกลัวว่ายังจะมีคนชื่นชอบเราอยู่หรือเปล่า แต่พอมาเจอแฟนคลับในวันนี้ น้ำตาใหลเลย ทำให้พูดกับตัวเองว่าเราไม่ได้แย่ขนาดนั้น เรายังมีคนชื่นชอบเยอะอยู่นะ เลยอยากขอบคุณทุกคนมากๆ หนูเลยจะพยายามที่จะทำให้หนูและแฟนคลับได้เจอกันบ่อยๆ มากขึ้น”และดีเจดาวก็ได้พูดเพื่อให้กำลังใจน้องด้วยว่า“มันเป็นเรื่องดีมากๆ เลยที่คนๆ หนึ่งสามารถเผยความรู้สึกของตัวเอง และเปิดเผยมุมที่อ่อนแอบางอย่างได้ พี่ดาวว่ามันต้องใช้ความกล้าเยอะมากๆ และพี่ก็นับถือตรงนั้นจริงๆ” สุดท้ายนี้ซันนี่เองก็ยังอยู่ในช่วงวางแผนการจัดแฟนมีตที่จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมหากใครที่ต้องการพบปะน้องแบบพิเศษใส่ไข่ก็อย่าลืมติดตามข่าวสารจากน้องได้เลยน๊าา แล้วเจอกันสัปดาห์ถัดไปจ้าติดตามความน่ารักของซันนี่ย้อนหลัง