พูดคุยกับ “MAIYARAP” ถึงเบื้องหลังการทำซิงเกิลล่าสุด “ใครในเพลง”

Beauty & Health

พูดคุยกับ “MAIYARAP” ถึงเบื้องหลังการทำซิงเกิลล่าสุด “ใครในเพลง”

31 มี.ค. 2023

“MAIYARAP (ไมยราพ)” หรือ “แชมป์-นครินทร์ จรูญวิทยา” แร็ปเปอร์หนุ่มมากความสามารถจากค่าย YUPP! กลับมาอีกครั้งพร้อมซิงเกิลใหม่ล่าสุด "ใครในเพลง" ซึ่งได้ศิลปินรุ่นพี่อย่าง “แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข” มาร่วมชวนให้ทุกคนอินไปกับท่วงทำนองแห่งความทรงจำที่ยังคงติดอยู่ในใจ วันนี้เราจึงชวนแชมป์มาร่วมค้นหาใครในเพลง พูดคุยถึงเบื้องหลังในการทำเพลงนี้กัน

ช่วยเล่าคอนเสปของเพลง “ใครในเพลง” ให้ฟังหน่อย

“คอนเสปของเพลงนี้ก็คือ เราซ่อนใครคนนึงไว้ในเพลง แต่กิมมิคของเพลงนี้ คืออยากให้ทุกคนฟังแล้วไม่ได้รีเลทถึงแค่ความรักของหนุ่มสาว อยากให้นึกถึงทั้งกลุ่มเพื่อน ครอบครัว แล้วก็อีกหลาย ๆ อย่างที่เราซ่อนไว้ในเพลง”

เพลงนี้ใช้เวลาทำนานมั้ย

“2 ปีกว่าเกือบ 3 ปีได้ครับ”

จุดเริ่มต้นของเพลงนี้เริ่มมาจากอะไร

“จุดเริ่มต้นมาจากแชมป์ได้เจอกับพี่แสตมป์ในโปรเจคโปรเจคนึง แล้วเราก็คุยกันไว้นานแล้ว ว่าเราอยากทำเพลงด้วยกัน พอมีโอกาส แชมป์ก็เลยชวนพี่แสตมป์ทำเพลงนี้ ก็เลยโยนคอนเสปไปให้พี่แสตมป์ ว่าเราจะใช้คอนเสปนี้นะ ซ่อนใครในเพลง”

เพลงนี้มีความยากขึ้นจากเพลงก่อน ๆ มั้ย

“เพลงนี้ความยากของมันน่าจะเป็นเรื่องของความหมายเพลง อย่างที่แชมป์บอกไปว่า ไม่ได้อยากให้สื่อถึงความรักของหนุ่มสาวอย่างเดียว เรียกว่าอยากให้ฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงอีกเพลงนึง แล้วทันทีที่ฟังอีกเพลงนึง ก็จะวนกลับมานึกถึงเพลงนี้ อันนี้มันคือสิ่งที่ยาก แล้วจุดที่ยากที่สุดอีกจุดนึง เป็นเหตุผลที่เพลงนี้มันนาน 2ปีเกือบ 3 ปี เพราะว่าแชมป์ไม่สามารถเขียนเนื้อเพลงให้จบได้ จนตอนแชมป์เสียคุณป้า แชมป์ก็เลยเข้าใจความรู้สึกมากขึ้น ว่าคนที่เขาซ่อนใครไว้ในเพลง ที่นอกเหนือจากความรักของหนุ่มสาวเนี่ยมันเป็นยังไง”

ชอบเนื้อร้องท่อนไหนที่สุดในเพลง

“ชอบทุกท่อนเลยครับ โดยเฉพาะท่อนของพี่แสตมป์ พี่เขาเป็นเหมือนส่วนผสมสุดท้ายที่ทำให้เพลงนี้มันลงตัวที่สุดแล้ว”

ใครในเพลง ในมุมมองของแชมป์ สื่อถึงใคร

“สำหรับตัวแชมป์เอง แชมป์รู้สึกว่าเพลงนี้สื่อถึงคุณป้า แต่ว่าอยากให้ทุกคนฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงใครก็ได้ ที่ทุกคนซ่อนไว้ในเพลง”

ทำไมถึงเลือก feat. กับพี่แสตมป์

“ต้องบอกก่อนว่าแชมป์มองพี่แสตมป์เป็นไอดอลครับ แชมป์มีไอดอลเรื่องการเขียนเนื้อเพลงอยู่ 3 คน มีพี่แสตมป์ อภิวัชร์ พี่อะตอม ชนกันต์ แล้วก็พี่กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ ผมชอบพี่แสตมป์ถึงขนาดที่ว่าไปซื้อหนังสือนิ้วกลมตามพี่แสตมป์เลยนะ อ่านตามเลย”

นี่เป็นการร่วมงานกับพี่แสตมป์ครั้งแรกหรือเปล่า

“เป็นการร่วมงานกันครั้งที่สองแล้วครับ”

แล้วการร่วมงานกันครั้งนี้เป็นยังไงบ้าง

“เขินครับ เป็นครั้งที่สองแล้วก็ยังเขินอยู่ รู้สึกเกร็ง ๆ แล้วก็เป็นเกียรติมากที่ได้ทำงานร่วมกับไอดอลของเรา แชมป์รู้สึกว่ามันนับเป็นอีกความสำเร็จในชีวิตได้เลยที่ได้ร่วมงานกับพี่แสตมป์”

สตอรี่ของ MV “ใครในเพลง” เป็นยังไง

“สตอรี่ MV อันนี้ต้องขอบคุณพี่ผู้กำกับเลยครับ ที่วางสตอรี่มา 3 ไลน์ ไลน์สตอรี่แรกคือผู้ชายคนนึงที่คิดถึงกลุ่มเพื่อนตอนฟังเพลง สตอรี่ที่สองก็คือเรื่องของพี่ชายน้องชาย และอีกสตอรี่นึงก็คือความรักของหนุ่มสาว ที่บังเอิญไปเจอแฟนเก่าอยู่กับแฟนใหม่ แต่ตัวเองก็ยังรู้สึกอยู่”

ในมุมมองของแชมป์ คิดว่าเพลงนี้ให้ความรู้สึกแบบไหน เป็นเพลงอกหัก เพลงเศร้า หรือเพลงคิดถึง

“จะมองว่าเศร้ามันก็เศร้า จะมองว่าคิดถึงมันก็คิดถึง ผมเรียกมันว่าเพลงเศร้าแล้วกัน เพราะฟังแล้วมันก็เศร้า มันอาจจะเศร้าเพราะความคิดถึง หรืออาจจะเศร้าเพราะความรู้สึกสูญเสียเหมือนกับแชมป์”

มีเพลงแนวไหนที่รู้สึกว่าอยากทำแต่ยังไม่ได้ทำมั้ย

“อยากทำเพลงลูกทุ่ง แล้วก็ไปทางเพลงป๊อปสนุก ๆ หน่อย อยากเต้นครับ”

ฝากอะไรถึงแฟนคลับ และคนที่ติดตามผลงานของแชมป์อยู่หน่อย

“อยากฝากให้ทุกคนรอติดตามผลงานใหม่ ๆ นะครับ ตอนนี้หลังจากเพลงใครในเพลง แชมป์ก็พยายามที่จะรวบรวมอัลบั้มเต็มให้เสร็จภายในปลายปีนี้ ก็อยากให้ทุกคนรอติดตามกันครับ ผมก็พยายามจะหาอะไรใหม่ ๆ ทำ ก็หวังว่าทุกคนจะยังไม่เบื่อกันนะ” 

ย้อนกลับไปสู่ห้วงความทรงจำกับซิงเกิล “ใครในเพลง” จาก “MAIYARAP x STAMP” ได้แล้ววันนี้ ทาง YouTube YUPP! และมิวสิกสตรีมมิงทุกแพลทฟอร์ม

related Beauty & Health

“อะตอม ชนกันต์” กับเบื้องหลังการปรุง "Medium Rare" ซิงเกิลใหม่แทนใจคนเล่นกับไฟ

20 เม.ย. 2023

“อะตอม ชนกันต์” กับเบื้องหลังการปรุง "Medium Rare" ซิงเกิลใหม่แทนใจคนเล่นกับไฟ

อะตอม (atom) ชนกันต์ รัตนอุดม กลับมาภายใต้บ้านหลังใหม่ LOVEiS Entertainment พร้อมเสิร์ฟซิงเกิลล่าสุด "Medium Rare" ถ่ายทอดรสชาติชีวิตของคนที่ครั้งหนึ่งเคยชอบเล่นกับไฟ จนกระทั่งหาจุดที่ลงตัวในความสัมพันธ์เจอ วันนี้เราได้ชวน อะตอม มาพูดคุยถึงเรื่องราวเบื้องหลังการทำงานในเพลงนี้กันจุดเริ่มต้นของเพลง Medium Rare เริ่มมาจากอะไร“มาจากความหิวครับ ไม่ใช่ (ยิ้ม) คือ Medium Rare เนี่ย มันเป็นคำที่แทนระดับความสุกของเนื้อเวลาเราสั่งสเต๊ก เราก็เลยเอา Medium Rare ซึ่งเป็นจุดอร่อยที่สุด คนนิยมที่สุดเนี่ย มาใช้เปรียบเทียบกับความสัมพันธ์ของคน ว่ามันก็มีจุดพอดี จุดที่กำลังอร่อย จุดที่กำลังมีความสุข ก็เลยเกิดมาเป็น Medium Rare ครับ”ทำไมถึงเลือกเปรียบเทียบความรักกับสเต๊ก“เวลาเราพูดคำว่าเอาใจไปเล่นกับไฟเนี่ย มันเหมือนเราเอาใจเราที่มันเซ็นซิทีฟมาก ๆ ให้กับคนคนนึงไป เขาจะทำอะไรกับมันก็ได้ เพราะฉะนั้นมันก็เลยเป็นการเปรียบเทียบ เหมือนเอาเนื้อให้พ่อครัวไปทำอาหาร เขาจะปรุงมันยังไงก็ได้ เราก็รู้สึกว่าถ้าคนที่เขาไม่ได้ใส่ใจเราจริง ๆ หรือว่าเป็นคนที่ดูจะทำเราเจ็บแน่นอน ทรงนี้คือเอาเราไปเผาแน่นอน ไฟแรงแน่นอน บางครั้งมันกลายเป็นว่า เราเองต่างหากที่เป็นคนเลือกได้ ว่าจะให้ใจเราไปอยู่กับความสัมพันธ์แบบไหน อย่างในเพลงนี้ก็เห็นกันอยู่แล้วว่าไฟพุ่งเลย ถ้าอยากจะลองเข้าไปเล่น ก็ต้องรับความเสี่ยงกันเองนะ แต่ว่าสุดท้ายแล้ว เราก็ไม่อยากให้คนมีความสัมพันธ์ที่มัน Toxic ที่มันทำร้ายตัวเอง ในเพลงนี้ก็จะพูดถึงว่า ออกมาเถอะ มันไม่คุ้มกันหรอก อย่าเอาตัวเองไปเล่นกับไฟแบบนั้นเลย”เพลงนี้ใช้เวลาทำนานมั้ย“คือถ้ารวมกันก็ค่อนข้างนาน เราเขียนเพลงเก็บไว้เยอะในช่วงโควิด เป็นช่วงที่ทำเดโม่ที่บ้านเองเยอะมาก เพลงนี้จากวันที่แต่ง จนกว่าจะได้เข้าห้องอัดก็เป็นปีอะครับ ด้วยความที่มันเจอกันไม่ได้อะเนอะตอนนั้น แต่พอเข้าห้องอัดแล้วก็เร็วมาก ๆ ขั้นตอนในการแต่งเองก็ค่อนข้างสั้น แค่ประมาณ 2-3 วันเอง แต่ว่าเราก็ดีใจที่ได้คำว่า Medium Rare มาใช้ แล้วก็สามารถเล่ามันออกมาได้อย่างที่เห็นในเพลง”อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดในการทำเพลง Medium Rare“ยากที่สุดคือการพยายามเล่าให้มันรู้เรื่องเนี่ยแหละ เพราะคำว่า Medium Rare มันไม่มีใครเอามาเปรียบกับเรื่องหัวใจ เรื่องความรัก เพราะฉะนั้นก็เป็นความท้าทายที่เรารู้สึกสนุกที่ได้ทำ การหาวิธีเล่าให้รู้เรื่องภายในเพลงประมาณ 3 นาที โดยที่ตรรกะมันไม่ผิดเพี้ยนก็ยากอยู่ แต่ก็สนุกดีครับ”เพลงนี้ต่างจากเพลงก่อน ๆ ยังไง รู้สึกว่าความเป็นอะตอมมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง“อย่างแรกเลยคือ ถ้าเป็นตัวเพลงอะ styling ของเพลงนี้ เปลี่ยนไปจากเพลงก่อน ๆ ค่อนข้างเยอะนะ ไม่ว่าจะเป็นการ arrange เองก็ตาม หรือว่าพวกซาวน์ที่เลือกใช้ ในเพลงนี้จะดูสมัยใหม่ยิ่งขึ้น ที่จริงเราเองก็ยังอยู่กับความเป็น Soul ความเป็น RB อยู่เสมอแหละ มันคือทางที่เราชอบ แต่นี่ก็พยายามดีไซน์อะไรใหม่ ๆ ออกมา คือเราเองก็เบื่อ เราคนทำงาน ก็ต้องการหาอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในเรื่องดนตรีก็จะเป็นประมาณนี้”“แล้วก็ในเรื่องเนื้อหาเอง อย่างที่บอกว่าก็ยังมีความยากในการเล่าเรื่องของมันอยู่ คือเอาการเปรียบเทียบที่ไม่เป็นที่นิยม มาอธิบายให้เข้าใจง่าย ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับเรา ซึ่งจุดนี้ที่มันออกมาในเพลงเราก็ค่อนข้างแฮปปี้ แล้วก็อยู่ในจุดที่เข้าใจไม่ยากจนเกินไปเนอะ”“ส่วนในเรื่องของลุค ก็คือเปลี่ยนไปเลย ปีนี้เราย้ายบ้านมาอยู่กับเลิฟอีส เราก็คุยกับทีม ทีมก็ไปทำโพล ทำรีเสิร์ชมา ว่าคนฟังอยากเห็นอะไรจากอะตอมบ้าง สุดท้ายก็เป็นอย่างนี้เลยครับ นี่แหละครับ สิ่งที่ทุกคนรอที่จะได้เห็นจากอะตอม เราก็รู้สึกว่ามันสดชื่นดีที่ได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ ก็เลยเป็นเสื้อหนังสีแดงเปิดอกครับ”อะตอมได้มีส่วนร่วมในการคิดลุคเหล่านี้ด้วยมั้ย“มีนะ ส่วนใหญ่จะเอาไปขายกันก่อน คือทีมเขาจะไปหามาก่อนว่าแบบนี้ดีมั้ย เราเองก็จะเป็นคนเคาะคนสุดท้าย ว่าลุคประมาณนี้เราโอเคที่จะทำหรือเปล่า ซึ่งชุดนี้เองก็คือเราไม่เคยทำแหละ เราไม่เคยทำอยู่แล้ว แต่ทีนี้มันเกินขอบเขตที่เรารับได้มั้ย ก็ต้องบอกว่าไม่ เพราะว่าปีนี้เป็นอะไรที่เราเปิดรับอะไรใหม่ ๆ แทบจะทุกทาง เราทำได้หมด เราก็รู้สึกอยากลอง ถ้ามันไม่ได้ผิดจุดตัวเองจนเกินไป เราก็ยังทำได้ครับ”กระแสตอบรับจากแฟน ๆ เป็นยังไงบ้าง“เขาก็ดูจะชอบเห็นเนื้อหนังของเรากัน คนก็แฮปปี้นะ ด้วยตัวเพลงที่ผ่านมา มันจะทำให้เราดูเป็นผู้ใหญ่ ดูโตกว่าวัยมาตลอด เป็นคนที่พูดเรื่องอกหัก พูดเรื่องความรักในแบบที่คนอายุเท่ากันเขาไม่พูด เพราะฉะนั้นเนี่ย คนก็จะติดภาพว่าเราค่อนข้างจะเป็นคนที่ดูโตหน่อย วัยรุ่นก็จะรู้สึกว่าเราโตกว่าตลอดเวลา สำหรับเพลงนี้ก็พยายามจะลดแกปหรือกำแพงนั้นลงมา เพราะจริง ๆ เราเองก็มีความบ้าบอตามประสาวัยรุ่นอยู่นะ ซึ่งถ้าถามเราเอง หรือว่าคนที่ใกล้ชิดเรา เราก็ไม่ได้ดูแก่เหมือนมุมมองในเพลงที่ผ่าน ๆ มา เราก็รู้สึกว่า เออ มุมนี้คนไม่เคยเห็น ก็อยากให้ลองเห็นบ้าง ว่าเราก็เป็นเพื่อนกัน ไม่ได้เป็นคนที่เข้าถึงไม่ได้ หรือเข้าถึงได้ยากอย่างที่ทุกคนเข้าใจ”อะตอมมักจะใช้ประสบการณ์ส่วนตัวในการทำเพลงใช่มั้ย“ใช่ ๆ ทุกเพลงครับ ส่วนใหญ่เราจะเอาเรื่องที่เคยเจอมาเขียนนะ คือต้องบอกว่ามันก็คงเกิดขึ้นก่อนหน้านี้อะครับ ไอ้ช่วงที่เป็นเนื้อไหม้เนี่ย”แสดงว่าเคยเล่นกับไฟมาก่อน“ก็ตื่นเต้นครับ มันก็สนุกดี ถ้ามีโอกาสอยากจะลองก็ได้ แต่ว่าก็เตรียมใจเจ็บไว้ประมาณหนึ่งก็ดี เพราะว่าจริง ๆ มันคงจะเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น โดยเฉพาะยุคที่ทุกคนชอบออกไปปาร์ตี้ ก็มักจะได้เจอคนประเภทนี้ ที่เราเห็นว่ามันน่าตื่นเต้นดี มันเร้าใจ ให้ทำไงได้ อยากลองอะ สุดท้ายแล้วก็เจ็บเนื้อเจ็บตัวกลับมาครับ ก็เลยรู้สึกว่าบางครั้งมันไม่ใช่ความหวือหวาฉูดฉาดหรอกที่เราต้องการในความสัมพันธ์ สุดท้ายแล้วสำหรับเรานะ เราก็ต้องการคนที่อยู่ตรงกลางเหมือน Medium Rare มันคงไม่ได้ตื่นเต้นทุกวัน แล้วมันก็คงไม่ได้น่าเบื่อทุกวัน แต่ว่ามันอยู่กับเราแล้วมันคือจุดที่พอดี แล้วก็ทำให้ชีวิตด้านอื่นของเราไม่โดนลากไปกับความวูบวาบตรงนี้อะเนอะ”อยากจะแนะนำอะไรให้คนที่กำลังเล่นกับไฟอยู่มั้ย“เล่นไปให้สุดครับ เอาให้ไหม้ เดี๋ยวก็เลิกเอง (หัวเราะ)”เพลงนี้ได้แสดง MV เองครั้งแรก รู้สึกยังไง“ใช่ จะเรียกว่าแสดงมั้ยเหรอ ก็นิดนึงมั้ง แต่เรารู้สึกว่าเพลงที่มันเล่าเรื่อง มีพระนาง มีบท อย่างเช่นเพลงที่ผ่าน ๆ มา มันถูกทำบ่อยแล้ว เราก็เลยอยากทำอะไรที่มันเป็นวิชวลบ้าง กึ่ง ๆ VDO แฟชัน แล้วก็มีมูฟเมนต์ มีพวกซีจี มีสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับเพลง เราก็จะเห็นชิ้นเนื้อสเต๊ก เห็นเราที่เป็นเทียนสีแดงแล้วโดนเผาลงมา เห็นดอกหน้าวัวสีแดงที่ดูคล้ายรูปหัวใจ ก็จะเป็นพวกนี้ที่เรารู้สึกว่าไม่ค่อยได้ทำ รู้สึกว่าอยากให้คนฟังได้เห็น และเราก็ตื่นเต้นที่จะได้ลองด้วย”รู้สึกว่ายากมั้ย“ไม่ยากเลยครับ ไม่ยากเลย แต่ผมว่าความท้าทายก็คงจะเป็นพวกซีจี ที่ตอนแรกเราก็ลุ้นอยู่ว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่ว่าทางผู้กำกับและทีมก็ทำออกมาได้ดี”พูดอะไรถึงแฟนคลับที่ติดตามกันมาตลอดหน่อย“ก็ขอบคุณครับ จริง ๆ อาจจะไม่ได้มาเจอกันมากเท่าช่วงก่อนหน้าโควิดเนอะ ช่วงนั้นมันคงเป็นช่วงปกติช่วงสุดท้ายมั้ง ที่เราได้เจอแฟนเพลงเยอะ ๆ แล้วก็ออกเพลงต่อเนื่องมาตลอด พอหลังจากนั้นมันก็ค่อนข้างที่จะเบรกไป ก็ขอบคุณที่ยังอยู่ซัพพอร์ตกันมาตลอด อะตอมกลับมาแล้วครับ เรียกว่าตามกลับด้อม ปีนี้ก็จะได้เห็น แล้วก็ได้ฟังงานใหม่ ๆ ของอะตอมตลอดทั้งปี จะไม่หยุดแล้วครับ สัญญาว่าจะไม่หยุดปล่อยเพลงแล้ว”มีแพลนจะจัดคอนเสิร์ตให้แฟน ๆ หายคิดถึงมั้ย“คอนเสิร์ตก็เป็นเรื่องที่พูดคุยครับ แต่อย่างที่บอกเนี่ย พอเราย้ายบ้าน เราก็อยากจะตั้งใจกลับมาปล่อยงานให้มันเป็นเรื่องเป็นราวต่อเนื่องกันไประยะนึงก่อน ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำโชว์ใหญ่ คือมันต้องสต๊อกของใหม่ให้มากพอก่อน ไม่งั้นพอไปเล่นคอนเสิร์ตเนี่ย คนเขาก็จะได้ฟังแต่เพลงเก่า เราก็รู้สึกว่าขอให้เวลามันสักนิดครับ แต่เดี๋ยวถ้ามีจะรีบมาบอกเลย”สุดท้ายให้ฝากผลงานเพลง Medium Rare หน่อย“ก็ฝากทุกคนนะครับ เพลง Medium Rare ฮะ ก็เป็นซิงเกิลแรกของอะตอมหลังจากหายไปนานมาก ครั้งนี้ก็ใหม่ทั้งค่าย ใหม่ทั้งลุค ใหม่ทั้งเพลง ฝากทุกคนติดตามด้วย อันนี้ก็เป็นลูกรักอีกคนนึงที่อะตอมรอให้ทุกคนได้เจอนะครับ ยังไงก็ฝากทุกคนด้วยครับ”

คุยกับ PAUSE ถึงเพลงใหม่ “วันหนึ่งถ้าฉันอกหัก”

27 ก.พ. 2024

คุยกับ PAUSE ถึงเพลงใหม่ “วันหนึ่งถ้าฉันอกหัก”

PAUSE กลับมาให้แฟน ๆ หายคิดถึง กับผลงานล่าสุด “วันหนึ่งถ้าฉันอกหัก” เพลงน่ารัก ๆ สำหรับสายง้อแฟน กับท่อนฮุคที่ต้องทำเธอใจอ่อน “วันหนึ่งถ้าฉันอกหัก ฉันจะรักใครได้อีก” วันนี้เราเลยได้ชวนวง PAUSE มาพูดคุยถึงเรื่องราวในซิงเกิลล่าสุดนี้กันซิงเกิลใหม่ "วันหนึ่งถ้าฉันอกหัก" มาในคอนเสปอะไร“คอนเสปก็คือเกี่ยวกับความรัก เกี่ยวกับคนที่กำลังมีแฟน แล้วก็ตามง้อแฟน มีการทะเลาะนิดหน่อย มีงอน มีง้อ เพลงนี้ไว้สำหรับง้อแฟน”เพลงนี้ใช้ระยะเวลาในการทำนานมั้ย“จริง ๆ เราเตรียมการไว้ตั้งแต่พฤศจิกายนแล้วครับ แล้วก็เสร็จตอนมกรา ระหว่างเตรียมการเราก็พยายามทำให้มันดีที่สุด แล้วก็มาถึงการที่เราเข้าไปอัด ถึงกระบวนการข้างหลัง ก็เตรียมการกันพอสมควร”คิดว่าอะไรคือจุดที่โดดเด่น หรือเป็นเรื่องใหม่ต่างจากเพลงก่อน ๆ ของ PAUSE“ถ้าจุดเด่นของเพลงนี้ น่าจะเรื่องที่มันเป็นเพลงเร็ว เพราะส่วนใหญ่เพลงของ PAUSE ที่คนรู้จักกัน มันมักจะเป็นเพลงช้า นอกจากเพลง ‘กอดหมอน’ ที่เป็นเพลงมีเดียม จริง ๆ PAUSE เคยทำเพลงเร็วนะ แต่มันไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก มักจะเป็นที่รู้จักในเพลงช้ามากกว่า ‘ดาว’ ‘ที่ว่าง’ พวกเนี้ย ก็หวังว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงเร็วที่ทำให้คนรู้จัก PAUSE กันมากขึ้น”มาที่พาร์ท MV บ้าง เรื่องราวใน MV นี้เป็นยังไง“ทางทีม MV ก็ได้มาปรึกษาเรา มาเสนอว่าเราจะทำเป็นเด็ก ๆ มั้ย เป็นเหมือนงานโรงเรียน ละครเวทีของเด็ก ๆ เขามาถามว่าพี่ ๆ โอเคมั้ย เพราะตอนต้นเพลง ถ้าใครได้ฟังก็จะมีเสียงของเด็กอยู่ เลยลองคิดว่าเอาเป็น MV ของเด็ก ๆ มั้ย น่ารัก ๆ ซึ่งพอเขามาคุย เราก็ชอบตั้งแต่แรก เพราะผมก็สังเกตเวลาไปทัวร์ พี่ ๆ เขาก็ชอบเล่นกับเด็ก ๆ บวกกับเคยให้โจทย์กับทางทีมทำ MV ไว้ ว่าเรามักจะมีซีนมาเล่นดนตรีกัน มีลายซิงค์ แต่ว่า PAUSE ไม่เคยเป็นหนึ่งในตัวแสดงในเนื้อเรื่องของ MV นั้น ๆ เลย เลยอยากให้ลองทำแบบนี้ดูบ้าง เขาก็เลยจับพวกเราไปเป็นนักแสดงอยู่ในนั้นด้วย ช่วงท้ายก็จะมีขึ้นมาแจม มาเล่นดนตรีกับเด็ก ๆ บนเวที แต่ว่าเครื่องดนตรีนั้นไม่ใช่เครื่องดนตรีจริง เป็นเครื่องดนตรีเด็กเล่น มันก็จะน่ารักไปอีกแบบ”ทำไมนักแสดงหลักถึงต้องเป็นบล็อกโคลี่กับข้าวโพด“ไม่ทราบเหมือนกันฮะ น่าจะหาชุดได้พอดี (หัวเราะ) ก็เป็นทางทีม MV เขาเสนอมา”การใช้เด็ก ๆ เป็นนักแสดงนำใน MV เลย ยากมั้ย บรรยากาศในการทำงานเป็นยังไงบ้าง“ผมว่าน่ารักนะ อย่างพวกเราไปกันตอนบ่าย ๆ พอเห็นเด็ก ๆ เราก็ชอบอยู่แล้ว แต่น่าจะหนักไปทางทีมงานที่ต้องดูแลน้อง ๆ ตั้งแต่เช้า ต้องขอบคุณน้อง ๆ ด้วยที่มากันตั้งแต่ตีห้า แสดงกันตั้งแต่เช้าเลย จนพระอาทิตย์ตกก็ยังอยู่ ก็ต้องขอบคุณน้อง ๆ ที่มาแสดง แล้วก็คุณพ่อคุณแม่ที่มาดูแลน้อง ๆ ด้วย”มีซีนโปรดใน MV กันมั้ย ชอบซีนไหนที่สุด“ซีนที่มีเด็กมากระเด่ว ๆ (หัวเราะ) เป็นท้ายของ MV ที่พวกเราขึ้นมาแจมกันบนเวทีอะฮะ แล้วเด็ก ๆ ก็จะเต้น ๆ กัน อันนั้นชุลมุนดีครับ เด็ก ๆ น่ารัก”ในปีนี้จะมีผลงานออกมาให้เราฟังกันอีกมั้ย สปอยล์ได้มั้ย“ก็พยายามคุยกับทางค่าย จริง ๆ ก็อยากให้ปีนี้มีอีกสักหนึ่งเพลง แต่ถ้าจะมากกว่านั้นก็ต้องขอขอบคุณด้วยครับ อยากให้มีอีกครับ เพราะเราก็อยากจะปล่อยเพลงให้มันเยอะขึ้น คือช่วงโควิดเราไม่ได้ปล่อยเพลงเลย มันก็เป็นไปตามช่วงนั้นอะเนอะ โควิดมันทำอะไรมากไม่ได้ เราก็เลยไม่ได้มีเพลงใหม่กัน แต่ตอนนี้สถานการณ์มันปกติแล้ว อาจจะสักปีละสองเพลงครับ”เราได้มองไว้มั้ยว่าอยากให้วง PAUSE ไปถึงจุดไหน“ถ้าเป็นอย่างคาราบาวได้ก็จะดีมากเลย ที่เล่นไปจนแก่เฒ่า ก็ยังไม่หายไปไหน ก็จะยินดีมาก ๆ ครับ เราก็จะทำต่อไปเรื่อย ๆ”สุดท้าย พูดอะไรถึงแฟนเพลงที่ติดตามวง PAUSE กันอยู่หน่อย“ก็อย่าเลิกตามนะครับ (หัวเราะ) คือเพลง PAUSE มีอายุอานามกันมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่นักร้องคนเก่าพี่โจ้ ก็เริ่มตั้งแต่ปี 2539 ก็ยาวนานเนอะ แต่มันก็มีเป็นสองยุค ยุคเก่าก็คือหลายคนโตมากับเพลงเรา ถ้าเป็นน้อง ๆ ยุคปัจจุบัน ก็อยากให้เขาโตไปกับยุคของเฟ้น อยากจะให้ติดตามวง PAUSE กันต่อไปอีกเรื่อย ๆ ก็ฝากติดตามพวกเราด้วยนะครับ มาเจอกันได้ ฝากเพลงใหม่ของพวกเราวง PAUSE ‘วันหนึ่งถ้าฉันอกหัก’ รวมไปถึงใครอยากจะไปฟังพวกเราเล่นสด ๆ ก็สามารถติดตามตารางงานได้ทางเฟซบุ๊คของพวกเราวง PAUSE ครับ”

เดินทางไปกับ Jeff Satur ใน Space Shuttle No.8

01 มี.ค. 2024

เดินทางไปกับ Jeff Satur ใน Space Shuttle No.8

เรียกได้ว่าฮอตสุด ๆ สำหรับ “Jeff Satur” ศิลปินมากความสามารถ ที่ได้ปล่อยอัลบั้มแรก “Space Shuttle No.8” พร้อมจัดคอนเสิร์ตเอเชียทัวร์ที่ 6 เมืองใหญ่ ไทเป, ฮ่องกง, มะนิลา, จาการ์ตา, สิงคโปร์ และปิดท้ายที่กรุงเทพ เราจึงได้ชวน Jeff Satur มาพูดคุยถึงเรื่องราวการเดินทางครั้งนี้กันอัลบั้ม Space Shuttle No.8 มีที่มายังไง“คือเราอยากจะรวบรวมเพลง ตั้งแต่เพลงแรก Highway จนมาถึงเพลงนี้ โดยที่เนื้อเรื่องของมันจะเชื่อมโยงกันหมด แล้วก็เราจะมีแกนกลางของเรื่องในอัลบั้มนี้อยู่แล้ว ซึ่งจะค่อย ๆ เห็นออกมาเรื่อย ๆ จากการดู MV จากการฟังสัมภาษณ์ จากการไปดูคอนเสิร์ตต่าง ๆ มันก็จะมี element hint เล็ก ๆ ออกมาเรื่อย ๆ จริง ๆ สิ่งที่อยากให้ทำเวลานั่งฟังอัลบั้มนี้ก็คือ เหมือนเรานั่งอยู่บน Space Shuttle หรือว่ากระสวยอวกาศเนี่ยแหละ นั่งคิดแล้วก็ฟัง แล้วก็ตั้งคำถามกับเพลง กับชีวิตตัวเอง รีเลทตัวเอง เหมือน have conversation กับตัวเอง แล้วก็มาดูว่า พอมันไปถึงปลายทางจริง ๆ มันพาเราไปถึงไหน”อัลบั้มนี้ใช้ระยะเวลาในการทำนานเท่าไหร่“ประมาณ 2 ปีกว่า ๆ ครับ”ทำไมถึงใช้ชื่อ Space Shuttle No.8“เพราะว่าผมรู้สึกวิวที่เราเห็นอยู่ทุกวันอะ เราเคยเห็นแล้วไง Space Shuttle คือการที่เราออกไปเจอสิ่งที่เรายังไม่เคยเห็น การที่ break boundary ว่าทำไมเราจะไม่สามารถไปที่อวกาศได้ล่ะ ในแต่ละสเตชั่นก็จะเป็นภาพวิวที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ผมก็เลยอยากให้มันเป็นเหมือนการเดินทางไปสู่สิ่งที่เราไม่รู้”แล้วเลข 8 มีความหมายอะไรด้วยมั้ย“เลข 8 มันคล้ายสัญลักษณ์ infinity ครับ ผมเชื่อว่าถ้าผมตายไปแล้ว สุดท้ายแล้วผลงานเหล่านี้ มันก็จะยังคงอยู่ต่อไปเป็นนิรันดร์”เพลง “ซ่อน(ไม่)หา” (Ghost) กระแสตอบรับดีมาก ได้คาดหวังมั้ยว่ากระแสตอบรับจะดีขนาดนี้“ไม่ได้คาดหวังว่าฟีดแบคมันจะดีขนาดนี้ แล้วก็มีคนชื่นชอบขนาดนี้ การที่ได้เห็นศิลปินหลาย ๆ ท่าน หรือหลาย ๆ คนมาคอมเมนต์ ก็รู้สึกว่าเพลงนี้มันทำงานเนอะ เหมือนได้คุยกับพวกเขา ก็รู้สึกภูมิใจครับ”ในมุมมองของเจฟที่เป็นคนทำเพลง เราตีความเพลงนี้ว่ายังไง“ผมรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่เราก็เจ็บปวด แต่เราก็ต้อง let go กับอะไรบางอย่างไป โดยที่ต่อให้เราจะรั้งสิ่งเหล่านั้นไว้ มันก็ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขมากกว่าเดิม มันจะยิ่งเจ็บปวดไปอีก มันเหมือนการที่ตัดสิ่งที่มันอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ถ้าพูดตามตรงก็คือเหมือนส่วนไหนเน่าแล้วก็ต้องตัดออกไป เพื่อไม่ให้มันลุกลามแล้วก็เจ็บปวดกว่าเดิม คือมันไม่ใช่เพลงรักแน่นอนอยู่แล้ว แต่มันอาจจะเป็นเพลงที่รักตัวเอง อาจจะเป็นเพลงเศร้าในเชิงที่เราต้องเสียใจกับตัวเอง แต่ผมว่ามันก็เป็นเพลงนึงที่จะทำให้เรารักตัวเองมากขึ้น”มาที่ “ส่วนน้อย” (Yellow Leaf) ทำไมเจฟถึงใช้เพลงนี้เป็นซิงเกิลโปรโมทปิดอัลบั้ม“ผมรู้สึกว่าแต่ละเพลงที่เราทำมาตลอด มันมีความบู๊ประมาณนึง มีความรุนแรง มีความ aggressive เศร้าบ้าง ลึกบ้าง ก็เลยรู้สึกว่าอยากให้เพลงสุดท้ายของอัลบั้ม เป็นเพลงที่ซอฟต์ เหมือนได้จิบชาอุ่น ๆ ฟังแล้วรู้สึกว่าสบาย”เจฟออกซิงเกิลที่ 10 ก่อนซิงเกิลที่ 9 ด้วย ตรงนี้มีความหมายอะไรมั้ย“จริง ๆ ด้วยความที่มันเป็น Space Shuttle No.8 ไงครับ คือจบที่เลข 8 เพราะฉะนั้นการเริ่มสิ่งใหม่ ๆ มันจะเริ่มที่เลข 9 มันคือการสิ้นสุด และเริ่มต้นใหม่ที่เลข 9 แล้วก็เราจะได้เห็นว่า เนื้อเรื่องทั้งหมด เดี๋ยวจะได้รู้อีกทีว่าทำไมมันถึงต้องเป็นแบบนี้”เรามีเฉลยเรื่องนี้ด้วยใช่มั้ย“มีเฉลยครับ แต่ว่ายังไม่เฉลยตอนนี้”เฉลยในคอนหรือเปล่า“ไม่ใช่ในคอนด้วย ต้องรอติดตามครับ”อีกหนึ่งเพลงใหม่ในอัลบั้ม “Almost over you” ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าเพลงนี้เกี่ยวกับอะไร“เพลงนี้เนื้อหาของมันคือการที่เราเกือบลืมเธอได้แล้ว สักวันนึงฉันจะลืมเธอได้จริง ๆ แต่อาจจะยังไม่ใช่ตอนนี้ แล้วก็มันพร่ำพรรณนาความเศร้าที่แบบ เธอไปแล้ว ดอกไม้มันเป็นสิ่งเดียวที่เป็นตัวแทนของเธอ ที่จะทำให้ฉันจำเธอได้ เพราะว่าทุกคนรอบข้างฉันลืมเธอไปหมดแล้ว เขาไม่พูดถึงเธอแล้ว สุดท้ายแล้วความเจ็บปวดของเรา มันก็จะเป็นความเจ็บปวดของเรา คนอื่นไม่ได้มีส่วนร่วมในความเจ็บปวดนี้ เพราะฉะนั้นเขาจะลืมความเจ็บปวดนี้ได้เร็วกว่า แล้วเพลงนี้มันถูกแต่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คือจริง ๆ ทำ song camp กัน ใช้เวลา 4 ชั่วโมง เมโลดี้และคอร์ดก็เสร็จ แล้วก็ส่งต่อไปให้ทีมเขียนเนื้อที่เป็นทีมต่างประเทศเขียน ส่วนโปรดิวเซอร์ที่ทำเพลงนี้คือคุณ Hyuk Shin เป็นโปรดิวเซอร์ที่ทำเพลงให้ EXO ด้วยครับ”เพลงสุดท้าย “Saturdayss” เจฟแต่งให้แฟนคลับ แล้วก็ใช้วิธีการอัดที่แตกต่างจากเพลงอื่นด้วย“ใช่ครับ มันเป็นเพลงที่เหมือนฟังผมเล่นอยู่ในห้องทำงาน ผมกดอัด แล้วผมก็เล่นเลย อยากให้มันเป็นฟีลนั้น”เจฟใช้เวลาทำนานมั้ยสำหรับเพลงนี้“จริง ๆ ช่วงแต่งไม่นาน แต่ช่วงอัดจะนานตอนที่หาวิธีว่าโปรแกรมใช้ยังไง ผมไปเช่าห้องอัดที่ตราด เพราะว่าตอนนั้นผมถ่ายหนัง ก็เลยไม่มีเวลากลับมาอัดที่กรุงเทพ แต่ว่าใช้เวลาจริง ๆ อัดแค่ 10 นาทีเอง”ทำไมถึงเลือกใส่ “Saturdayss” ไว้เป็นแทรคสุดท้ายในอัลบั้ม“ผมรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่เรียบง่าย honest มาก แล้วก็เป็นเหมือนของขวัญ เหมือนเราผ่านอะไรด้วยกันมาในสเตชั่นต่าง ๆ เราไม่รู้ว่าสเตชั่นสุดท้ายมันจะเป็นยังไง แต่รู้ว่าปลายทางมีคนที่รักเราอยู่ สุดท้ายแล้วเราก็จะรอให้ถึงวันเสาร์อยู่เสมอ”ถ้าให้เลือกเพลงในอัลบั้มที่ตรงกับชีวิตหรืออารมณ์ของเจฟในตอนนี้มากที่สุด จะเลือกเพลงไหน“ยากจัง ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย จริง ๆ ทุกเพลงมันคือ element ที่ดึงออกไปจากชิ้นส่วนของความทรงจำของผม แล้วก็ออกมาเป็นเพลง เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าตอนนี้ความรู้สึกของผมตรงกับอันไหนเหรอ ผมเลือก ‘Saturdayss’ แล้วกัน เพราะผมรู้สึกว่า เราได้ความรักจากคุณวันเสาร์เยอะ รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ comfort เราเสมอ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์ไหน แล้วก็เป็นแรงใจในการทำงาน ที่เราตื่นมาเดินสายสื่อ 4 วัน โดยที่เรารู้สึกว่ายังไหวอยู่ เพราะเรารู้ว่าพวกเขาเหล่านั้นกำลังรอชมสิ่งเหล่านี้อยู่ แล้วก็เขาให้กำลังใจเราเสมอ”เพิ่งเปิดเอเชียทัวร์มา ไทเป และฮ่องกง เจฟร้องเพลงเวอร์ชั่นภาษาไทยเนอะ เขาร้องตามกันได้มั้ย“ผมร้องเวอร์ชั่นไทยครับ เขาร้องตามได้ทุกเพลงเลย ประทับใจนะ เพราะเราก็ไม่คิดว่าเราออกเพลงมาเป็นภาษาไทยทุกเพลง แล้วเขาจะร้องตามได้ เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ๆ ที่เขาต้องฝึกร้องได้ทุกคำขนาดนี้ แล้วก็ร้องเสียงดังด้วย ผมรู้สึกประทับใจมาก ๆ แล้วก็มันเติมฟีลในตัวเรามาก”ช่วงเบเนฟิตมีได้พูดคุยกันด้วย รู้สึกยังไงที่ได้คุยกับคุณวันเสาร์ต่างชาติที่เขาอาจจะไม่ได้เจอเราบ่อย ๆ“เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของการได้เจอกัน มันคือการได้คุยกันจริง ๆ แล้วโมเมนต์มันเป็นของเราจริง ๆ ผมมีความสุขมาก มันไม่เหนื่อยเลย มันแบบว่าหลายคนมากที่ต่อคิว แต่พอทำเสร็จผมรู้สึกไม่เหนื่อยเลยนะ มันเหมือนเป็นการเติมพลังให้กัน เขาอยากพูดอะไร เขาอยากคุยอะไรกับเรา เมสเสจมันมีแค่ 8 วินาที มันมีคุณค่ามาก ๆ ทั้งกับผมและกับเขา”เห็นเจฟเต้นด้วย แล้ว Space Shuttle No.8 Asia Tour in Bangkok จะเต้นด้วยมั้ย“จะเป็นเซิ้งแทนครับ ไม่เต้น แต่จะเป็นเซิ้ง หมอลำแทน”พูดแบบนี้คนเขาคาดหวังนะ“(หัวเราะ) ก็อาจจะมี ครับผม ต้องรอดูว่าเป็นยังไง”เกสต์สำหรับคอนเสิร์ตนี้ล่ะ มีวางไว้หรือยังว่ากี่คน“มี 2 ศิลปินครับ ยังไม่บอกว่าเป็นใคร แต่เป็นคนที่ทุกคนรู้จักแน่นอน”อีกบทบาทที่เจฟทำอยู่ คือเป็นเมนเทอร์รายการ Chuang Asia เป็นยังไงบ้างกับการถ่ายทำรายการนี้“ก็หนักหน่วงนะครับผม เพราะว่าจริง ๆ แล้วการที่เราได้มาอยู่ตรงนี้ คือเราต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากสิ่งต่าง ๆ ที่ทำมา การไกด์น้อง ๆ เราก็ต้องระวังมาก ๆ ตรงที่ว่าคำพูดของเรามันมีความหมายมากสำหรับน้อง ๆ เพราะฉะนั้นการที่เราจะพูดอะไรออกไปสักอย่าง เราต้องคิดมาดี ๆ แล้ว แล้วก็ไม่ใช่ว่าทำให้เขารู้สึกหมดไฟในการทำงาน แต่ทำให้เขาพัฒนาขึ้นไป โดยที่เขาไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดหรืออะไร เพราะสุดท้ายแล้วอาร์ตมันไม่มีสิ่งที่ผิด มันแค่ว่า ถ้าในสกิลเบสิคที่แบบ เต้นต้องล็อคท่านี้ อะไรแบบนี้มันโอเค ในวันนึงที่เราทำสิ่งนั้นได้แล้ว เราจะสามารถ expand ไปยังสิ่งต่าง ๆ ได้ คาแรคเตอร์ของน้อง ๆ ที่มีมาอยู่แล้ว อยากให้มันกรูมไปในแนวทางไหน เราต้องคิดตลอดเวลา แต่ความสนุกมันคือการได้ทำสิ่งนี้แหละ เพราะผมรู้สึกว่าการได้ไกด์น้อง ๆ ได้เอาประสบการณ์ทั้งหมดมาใช้ มันเป็นอะไรที่เราอยากทำให้กับใครสักคนนึง แล้วการได้มา explore ในสิ่งนั้น มันเป็นเรื่องที่ดี”เจฟคิดว่าตัวเองเป็นเมนเทอร์สายไหน ดุมั้ย“ผมไม่ได้ดุนะ เป็นเมนเทอร์สายชิล เป็นคนที่น้อง ๆ จะสามารถ โย่วเจฟ วอทซัพเจฟ อะไรแบบนี้ได้ ชิล เพราะผมมีความเชื่อว่างานศิลปะ มันจะเกิดมาจากการที่เรา relax อะครับ ในอีพีแรกผมอาจจะดูเคร่งนิดนึง เพราะว่ามันเป็นการที่เราต้องตั้งสมาธิมาก ๆ กับการดูน้อง ๆ ร้องเพลง ถ้าเราพูดอะไรออกไปโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจมากพอ ผมรู้สึกว่ามันเป็นการทรยศต่อความตั้งใจของน้อง ๆ”เจฟทำอะไรหลายอย่างมากเลย แบ่งเวลายังไง“ก็ไม่แบ่งนะฮะ (หัวเราะ) จริง ๆ ผมรู้สึกว่าสำคัญที่สุด คือเวลาพักผ่อน ผมควรจะพักยังไงให้มีคุณภาพ ก็คือการนอน การได้ดูอะไร ผมก็ใช้เวลาว่าง ๆ ในการทำสิ่งนั้น แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามันเหนื่อยขนาดที่ทนไม่ไหว มันเป็นอะไรที่สนุกในทุกแง่มุม พอทำอะไรที่แตกต่างกัน อย่างเช่น สัมภาษณ์ ถ่ายแบบ โอเค มันก็เป็นสิ่งที่ต่างกัน มันก็รู้สึกว่าสนุกดี”มีอะไรที่เจฟอยากทำ แล้วยังไม่ได้ทำอีกมั้ย“ผมอยากทำซีรีส์ของตัวเอง ซึ่งก็คิดว่าก็คงได้ทำครับ”พูดแบบนี้แสดงว่ามีแพลนไว้บ้างแล้ว“คิดไว้แล้วครับ”เจฟเคยบอกไว้ว่าอยากเขียนหนังสือ พาร์ทนี้มีความเป็นไปได้แค่ไหน“อันนั้นก็มีแน่นอนครับ แล้วก็กลับมาที่คำถามเดิมว่า แล้วแบ่งเวลายังไง ก็ไม่แบ่งครับ (หัวเราะ)”เจฟได้มองภาพในเส้นทางสายดนตรีไว้มั้ย ว่าเราอยากไปถึงจุดไหนในฐานะศิลปิน“ความฝันของผมคือการได้เล่นเวิลด์ทัวร์ ไปเจอแฟน ๆ ในทุก ๆ เมือง ทุก ๆ ประเทศ ผมมองว่าถ้าได้ทำสิ่งนั้น มันก็จะเป็น achievement นึง แต่ถามว่ามองไปถึงตรงไหนมั้ย ผมว่าผมยังสนุกกับการลุ้นว่าพรุ่งนี้ผมจะทำอะไร หรือว่าพรุ่งนี้มันจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก เพราะว่าจากที่เคยวางแพลนมาแล้วเนี่ย ทุกอย่างมันผิดไปหมดเลย มันคนละแบบ ผมก็เลยรู้สึกว่า งั้นก็ไม่ต้องวางหรอก ก็ทำเต็มที่ในทุก ๆ อย่างที่ทำ แล้วก็รอดูว่ามันจะพาเราไปไหน”ถ้าให้พูดอะไรถึงเจฟในอดีต วันแรกที่เราเริ่มเข้ามาเป็นศิลปิน จะพูดอะไรกับเขา“ไม่บอกอะไรฮะ เพราะว่าที่เขาทำมา มันก็ดีมากแล้ว”แล้วถ้าให้พูดถึงเจฟในอนาคตล่ะ“ก็ไม่บอกอะไรเหมือนกัน เพราะผมเชื่อว่าเขาจะเป็นคนที่คิดอะไรได้ด้วยตัวเองอยู่แล้วครับ เขาคงไม่ต้องการคำพูดจากผม”ฝากผลงานหน่อย ช่วงนี้เจฟทำอะไรอยู่บ้าง“ช่วงนี้ก็จะมีหนัง GDH ครับ ช่วงประมาณกลาง ๆ ปี มี Space Shuttle No.8 ที่เป็นทั้งอัลบั้มแล้วก็คอนเสิร์ต ยังซื้อบัตรรอบวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2567 ได้นะครับ ที่ Thai Ticket Major แล้วก็รายการ Chuang Asia ที่ผมเป็นเมนเทอร์ในเรื่องของโวคอล แล้วก็จะมีโปรเจคพิเศษค่อย ๆ ตามมา จะค่อย ๆ ปล่อยมาเรื่อย ๆ แต่ว่าตลอดปีนี้ยาว ๆ แน่นอนครับ”อยากให้เจฟพูดอะไรถึงคุณวันเสาร์หน่อย“การที่ได้มาเจอกันในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเพิ่งมาเจอกัน หรือเจอกันมานานแล้ว ก็อยากให้ทุกคนมีความสุข ไม่ต้องรู้สึกกดดันว่าเป็นแฟนคลับที่ดีต้องเป็นยังไง เป็นแฟนคลับที่ไม่ดีคืออะไร แค่รู้สึกว่าการที่เราได้รู้จักกัน ติดตามผลงาน ได้ร่วมเดินทางครั้งนี้ไปด้วยกัน ผมก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นยังไง ผมก็หวังว่าทุกคนจะมีความสุขในการเดินทางครั้งนี้ เพราะว่าผมมีความสุขจริง ๆ ที่ได้เจอ แล้วก็ได้เดินทางร่วมกับทุกคน มันมีความหมายมาก แล้วก็ขอให้ทุกคนมีความสุข ไม่ว่าจะอยู่ตรงนี้ หรือไม่อยู่ตรงนี้ก็ตาม”คุณวันเสาร์เขาจะชอบเจฟในหลาย ๆ โพ เรามีชอบโพไหนเป็นพิเศษมั้ย“ผมไม่มีนะ แล้วแต่เขาแล้วกัน เขาอยากจะเลือกเป็นสถานะอะไรก็เลือกไปเถอะ เพราะทุกคนเป็นคนรักของผม”

คุยกับ “No One Else” ถึงเบื้องหลังการทำงานในซิงเกิลล่าสุด “เธอคือกาแฟในตอนเช้า”

03 ส.ค. 2023

คุยกับ “No One Else” ถึงเบื้องหลังการทำงานในซิงเกิลล่าสุด “เธอคือกาแฟในตอนเช้า”

สมฉายาเจ้าพ่อเพลงงานแต่ง สำหรับ “No One Else” ที่ล่าสุดเพิ่งปล่อยซิงเกิลหวาน ๆ "เธอคือกาแฟในตอนเช้า" เล่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ที่พัฒนาจากคู่รักมาเป็นคู่ชีวิต พร้อมมิวสิควิดีโอสวย ๆ ซึ่งได้นับเงินและเรียวจิ มาถ่ายทอดเรื่องราวต่อจากเพลง แค่มีเธอไปเดินเตะคลื่นทะเลด้วยกัน วันนี้เราจึงได้ชวน ใหม่-กิติวัฒน์ แสงประทีป, กุ๊ก-จิตติพล ถาวรกิจ และแนตตี้-จิรุตถ์ ตันติวรอังกูร มาพูดคุยถึงเบื้องหลังซิงเกิลเพราะ ๆ ซิงเกิลนี้กันช่วยเล่าคอนเสปของเพลง “เธอคือกาแฟในตอนเช้า” ให้เราฟังหน่อย“คอนเสปของเพลงนี้ก็คือเป็นอารมณ์ของคนที่มีความสัมพันธ์จนรู้สึกว่าเราอยากอยู่ใกล้ชิดกับคนรักเรามากขึ้นทุกวัน ๆ มันเป็นคล้าย ๆ กับการที่เราติดกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่เราชื่นชอบ”“จริง ๆ ตอนแรกก็มีชานมนะครับ ก็เป็นอีกอย่างนึงที่ทุกคนติด แต่ถ้าเราจะเขียนคำว่าชานมลงไปในเพลง ผมว่ามันจะดูตลกนิดนึง เธอคือชานมในตอนเช้า แล้วก็รู้สึกว่ากาแฟ มันดูคลาสสิกด้วย มันสื่อถึงความสัมพันธ์ที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น วัยทำงานมากขึ้น ดูจริงจังมากขึ้น มากกว่าเพิ่งคบกัน”เวลาแต่งเพลงคือใช้ประสบการณ์ส่วนตัวในการแต่งด้วยมั้ย“ผมไม่เคยทานกาแฟเลยครับชีวิตนี้”“นั่นคือข้อที่ 1 ครับ ข้อที่ 2 นะครับ หลาย ๆ เพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลง แค่ไปเดินเตะคลื่นทะเลด้วยกัน เธอคือกาแฟในตอนเช้า ทั้งสองเพลงนี้พี่กุ๊กเขาเป็นคนเขียน แล้วพี่กุ๊กก็ไม่มีแฟนด้วย”ไม่มีแฟน ไม่กินกาแฟ แล้วชอบทะเลมั้ย“ชอบครับ ชอบกินซีฟู้ดมาก แต่ว่าเวลาไปก็คือไม่เตะคลื่นครับ ไม่ชอบเท้าเปียก ผิดทุกอย่าง”ปกติใครเป็นคนตั้งชื่อเพลง“พี่แนตตี้ครับ”ทำไมชอบตั้งชื่อเพลงยาว ๆ“คือเนื่องจากเพลงของประวัติศาสตร์บ้านเรา มันมีมายาวนาน อย่างเพลง แค่มีเธอไปเดินเตะคลื่นทะเลด้วยกัน จริง ๆ ก็จะชื่อว่า แค่มีเธอ เฉย ๆ เนี่ยแหละ แต่ว่าถ้าเราเสิร์ชไป มันจะซ้ำกับศิลปินหลายท่าน อีกชื่อนึงที่อยากให้เป็นก็คือ เตะคลื่น แต่ก็กลัวคนฟังไม่เข้าใจกันอีก เตะทำไม ผมก็เลยเอาสองคำนี้มารวมกัน ก็เลยเป็น แค่มีเธอไปเดินเตะคลื่นทะเลด้วยกัน ส่วนอย่างเพลงนี้ เธอคือกาแฟในตอนเช้า เราก็เอาสิ่งที่ทุกคนฟังแล้วจะเอ๊ะขึ้นมาก่อน ก็คือ กาแฟ แล้วก็คิดต่อว่า เอาคำว่าอะไรดีกับกาแฟ มาทำให้เป็นประโยค ก็จะอ้างอิงจากในเนื้อเพลง มันจะมีท่อนนึงที่ร้องว่า เธอคือกาแฟในตอนเช้า ผมก็เลยเอาประโยคนี้มาใช้ ซึ่งถามว่าต่อไปจะยาวขึ้นอีกเรื่อย ๆ มั้ย น่าจะมีทิ้งทวนอีกเพลงนึงที่ยาว ๆ แล้วก็จะพยายามที่จะไม่ทำแล้ว”“คือเวลาเราไปโชว์แล้วเราเขียนลิสต์เพลง เราเมื่อยมือมากครับ เราต้องเขียนแจกประมาณ 5 คน เราต้องเขียนชื่อเพลงไปจนครบเนี่ย มันเมื่อยมือ ก็เลยจะไม่ตั้งชื่อเพลงยาวแล้ว”“แล้วก็ประสบปัญหาคือคนดูเวลาจะขอเพลงก็ไม่รู้จะเขียนยังไงด้วย”เคยได้ชื่อเพลงอะไรแปลก ๆ จากคนดูมั้ย“เคยได้ชื่อวงแปลก ๆ ครับ”แปลกยังไง“On One Else บ้าง No One Eraser บ้าง”“แล้วอย่างเพลง ต่อจากนี้เพลงรักทุกเพลงจะเป็นของเธอเท่านั้น ก็จะเขียนว่า ตั้งแต่วันที่ได้พบเธอ อะไรแบบนี้ครับ มันจะไม่มีอะไรถูกเลยสักอย่าง แต่ก็น่ารักดีครับ ผมว่ามันก็เป็นโมเมนต์ที่ดี ๆ มากกว่า พวกผมไม่ได้ซีเรียส ยิ่งอ่านมันก็ยิ่งสนุกดี แต่จะทำให้สั้นลงมั้ย ก็จะพยายามบีบลงเรื่อย ๆ ไม่เกิน 10 พยางค์ครับ”รู้สึกยังไงที่คนอื่นยกให้ No One Else เป็นเจ้าพ่อเพลงงานแต่ง“รู้สึกดีครับ จริง ๆ 2-3 ปีมานี้ เราได้เริ่มวางคอนเสปของเราให้เป็นแบบนั้นแล้วจริง ๆ ตามคุณแทน ก็คือคุณแทนเข้ามาช่วยแต่งเพลง ต่อจากนี้เพลงรักทุกเพลงจะเป็นของเธอเท่านั้น จริง ๆ เนื้อหาเพลงของ No One Else ก็มีเพลงอกหัก เพลงเศร้าเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้เศร้าสุด แต่เพลงที่คนชอบฟังจะเป็นเพลงรัก เขาก็ให้ข้อสังเกตแบบนี้ เขาก็เป็นคนที่คอยวางคอนเสปของทั้งวงด้วย ก็คุยกันกับคุณแทน ว่าเรานี่ควรจะทำเพลงที่มันเกี่ยวกับงานแต่งเนอะ เพราะว่าเรามานั่งคุยกันเองก่อนทำวง ว่าอะไรที่เราอยากทำ โอเค คนชอบฟังเพลงรัก เราชอบเล่นงานแบบไหน งานกลางคืน หรืองานแต่งงาน เฮ้ยเราชอบเล่นงานแต่งงาน ของกินเยอะ แอร์เย็น เครื่องดื่มฟรี ทุกคนแต่งตัวดี แอลกอฮอล์ฟรี งานสบาย ทำยังไงก็ได้ให้เราได้ไปเล่นในงานแต่ง”“แต่ถ้าให้พูดตามจริง งานแต่งก็คือเป็นงานที่ทุกคนแฮปปี้ เป็นบรรยากาศของการเฉลิมฉลอง ซึ่งพอเราไปอยู่ด้วย เรามีความสุขไปด้วย”พาร์ทของ MV ทำไมถึงเลือกทำเป็นภาคต่อของ แค่มีเธอไปเดินเตะคลื่นทะเลด้วยกัน แทนการทำสตอรีใหม่“อันนี้สตาร์ทไอเดียมาจากพี่บิ๊ก ผู้กำกับ เขามองว่าพอเพลงมันมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เขาก็เลยพยายามจะหาคู่ที่เป็นผู้ใหญ่ โตตามเพลงของเรา แล้วทีนี้ความบังเอิญ คุณนับและคุณจิ เขาเพิ่งขอแต่งงานกัน แล้วเพิ่งแต่งงานกันไป เราก็มองกันว่า เฮ้ย คู่นี้มีภาพของความเติบโต ถ้าเอามาต่อกัน มันจะได้ชัดเจนว่ามันมีการพัฒนาของความสัมพันธ์ เนื้อหาของเพลงมันมีความจริงจังของการใช้ชีวิตมากขึ้น ก็เลยคิดว่าคู่นี้น่าจะเหมาะ จะได้ต่อเนื่องด้วย”MV ของ No One Else จะให้ความเรียลตลอดเลย เป็นความตั้งใจมั้ยที่อยากเล่าเป็นแนวนี้เหมือนกันหมด“ตอบว่าครึ่งนึงครับ ครึ่งนึงคือตั้งใจ โดยที่พี่บิ๊กมองภาพรวมเป็นชอตต่อเนื่องเลย แล้วก็เป็นความตั้งใจเล็ก ๆ ที่ว่า มันก็ใช้ต้นทุนไม่สูง”“ก็จริง ๆ แล้ว ผมมองว่า พอมันเป็นเรื่องของคนสองคนอะครับ ให้มันมีแค่คนสองคน มันก็สวยงามที่สุดแล้วครับ”“มันจริงด้วยครับ เพราะอย่างตอนนั้น ตอนเตะคลื่น น้องสองคนนี้เขาก็ใกล้แต่งงานแล้วด้วยนะครับ แล้วก็มีการแต่งงานจริง ๆ แล้วก็การใช้ชีวิตอะไรมันเรียบง่าย มันเหมือนเพลงของพวกเรา เหมือนคาแรคเตอร์ของพวกเรา ต้องขอบคุณพี่บิ๊กที่มองทุกอย่างขาด แล้วที่บอกว่าครึ่งนึงเนี่ย อีกครึ่งนึงคือผมได้ไปคุยกับเพื่อน ๆ ที่เขามาดูเอ็มวี No One Else เนี่ย ตั้งแต่เพลงต่อจากนี้อะครับ พอเปิดมา 4-5 เพลง ไม่รู้จะกดไปดูเพลงไหน เพราะว่าภาพคล้ายกัน โทนสีมันคล้าย ๆ คนจะงงด้วย กดไปดูเพลงเก่าซ้ำ เพิ่มยอดวิว ก็เลยไม่รู้ว่าพี่บิ๊กเนี่ย ตั้งใจหรือเปล่า (หัวเราะ)”“โดยสรุปก็คือ มันเป็นโอกาสที่เขาได้ไปที่นู่นอยู่แล้ว ที่อเมริกา เราก็ขอให้เขาเก็บฟุตเทจอันนี้มาใช้กับเอ็มวีของเรา ก็เป็นความตั้งใจส่วนใหญ่”มีเพลงไหนที่พี่ ๆ จะไปเล่น MV เองบ้างมั้ย“เราเคยอยู่ใน MV ของเราแล้วครับ ไม่รู้จักใช่มั้ยครับ เพราะมันไม่ดัง (หัวเราะ) เราก็เลยสรุปเอาเองว่า ถ้าเราไม่อยู่ แล้วเพลงดัง เราไม่ต้องอยู่ก็ได้”“พอไม่มีเราอยู่แล้วมันดัง หรือว่า สิ่งที่เราทำมาทั้งหมด มีสิ่งผิดอยู่อย่างเดียว นั่นคือพวกเรานี่เอง (หัวเราะ)”“แล้วหลังจากที่พวกเราเอาตัวเองออกมาปุ๊บ เฮ้ย 40 ล้านวิว แต่อย่างที่น้องถามว่าจะมีพวกเรามั้ย เพลงหน้าครับ เพลงหน้าจะต้องสนุกแน่นอน”มีเต้นมั้ย“ไม่เต้นครับ ถ้าเต้นเราอาจจะต้องไปรักษาตัวในโรงพยาบาลต่อ”อยากให้เพลง “เธอคือกาแฟในตอนเช้า” เป็นอะไรสำหรับคนฟัง“เราอ่านคอมเมนต์ หลาย ๆ คนเข้ามาบอกว่า ยังไม่มีคนที่เป็นกาแฟยามเช้าเลย แต่ว่าต้องมานั่งฟัง แต่ก็จะทนฟังไป จริง ๆ แล้วความรักมันก็เหมือนกาแฟจริง ๆ อะครับ คือมันรักได้ทุกอย่าง คุณสามารถรักอะไรก็ได้ ความรักเป็นสิ่งที่ดีครับ คือการแบ่งปัน บางทีคุณอาจจะไม่ใช่คนที่ถูกรักก็ได้ แต่คุณเป็นฝ่ายถ่ายทอดมันออกไป อยากให้เพลงนี้เป็นตัวแทนของความรักแล้วกัน”“ถ้าคนฟังที่ยังไม่มีแฟน ก็ให้รู้ไว้ว่าคนแต่งเพลงนี้ก็ไม่มีเหมือนกัน ไม่ต้องไปอิจฉาเขา (หัวเราะ)”มีเพลงแนวไหนที่รู้สึกว่าอยากลองทำ แต่ยังไม่ได้ทำบ้างมั้ย“เราจะมีเพลงที่ชอบกันอยู่ลึก ๆ อยู่ แต่ว่ารอวันเวลาที่มันพอดี แล้วเดี๋ยวอาจจะค่อยนำเสนอกัน”“นี่ผมเพิ่งรู้เลยว่าพี่ใหม่ชอบเพลงร็อค ยิ่งพอเราไปโชว์กัน ยิ่งทำให้รู้เลยว่าคุณใหม่เป็นคนที่ร้องเพลงร็อคได้ดีมาก”“มันอาจจะฉีกไป แต่เดี๋ยวค่อยว่ากัน ในอนาคตมันอาจจะเปลี่ยนไป”“ต่อจากนี้เพลงร็อคทุกเพลงจะเป็นเพลงของเธอ”สุดท้าย ฝากซิงเกิลนี้ และงานอื่น ๆ ในอนาคตหน่อย“ก็เราจะมีอัลบั้มเต็มนะครับ พร้อมกับคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของเรา วันที่ 16 กันยายน ซึ่งวันนั้นจะมีของขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซีดีอัลบั้มเต็ม ไวนิล แล้วก็มีพวก merch ของที่ระลึกทั้งหลาย อยากให้ทุกคนมาเจอกันในคอนเสิร์ต เพราะว่าคอนเสิร์ตนี้จะเป็นคอนเสิร์ตที่เล่นเพลงที่เป็นตัวตนของพวกเราเยอะที่สุดที่เคยเล่นมา”“เพราะว่าหลายทีที่เราไปเล่นคอนเสิร์ต จะมีแฟนเพลงกลุ่มนึงอยากฟังเพลงลึก ๆ เราก็อยากเล่น แต่กลัวว่ามวลมหาชนจะไม่เข้าใจกัน งานนี้จะเป็นงานที่ทุกคนจะต้องบอกว่า พี่เล่นทุกเพลงแล้ว จนเขาไม่สามารถจะขอเพลงอะไรจากเราได้อีกแล้ว ผมจะเล่นให้ทุกเพลงจริง ๆ”“ถึงเขาขอมาก็เล่นให้ไม่ได้ เพราะไม่ได้ขอลิขสิทธิ์ไว้ (หัวเราะ)”