สระผมเวียดนาม คลายเครียด ที่ร้าน Lamer Sleep Salon

Food & Beverage

สระผมเวียดนาม คลายเครียด ที่ร้าน Lamer Sleep Salon

16 ธ.ค. 2024



ใกล้สิ้นปีแล้ว แอดขอแนะนำร้านLamer Sleep Salon ที่จะทำให้ทุกคนคลายเครียด ด้วยการสระผมสไตล์เวียดนาม ที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทย เป็นการผสมผสานระหว่างการสระผมแบบดั้งเดิมของเวียดนาม กับเทคนิคการนวดศีรษะ บำรุงผม และดูแลหนังศีรษะในครั้งเดียว



 

ร้าน Lamer Sleep Salon ตั้งอยู่ที่ โครงการ The Platinum Place 21 ถ. วัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน โดยร้านจะอยู่ที่ชั้น 2 ของโครงการ ตกแต่งแบบเรียบง่าย สะอาดตา ภายในมีกลิ่นหอมของโรม่าทำให้ผ่อนคลาย 

สำหรับใครที่ต้องการนวดน้ำมัน ทางร้าน Lamer Sleep Salon จะมีกลิ่นน้ำมันให้เลือกทั้งหมด 4 กลิ่น ได้แก่ กลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นรีแรกซ์ กลิ่นมะพร้าว และกลิ่นกลามมิ่ง

 

ขั้นตอนแรกทางร้าน Lamer Sleep Salon จะเริ่มจาก การใช้เสียงแบบ ASMR เพื่อทำให้ผ่อนคลายและสงบ ต่อด้วยการสัมผัส และนวดตามจุด เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต 

 

 

และสระผม 2 รอบ โดยรอบแรกจะเป็นการสระแบบล้างสารพิษ รอบที่สองเป็นการสระผมเพื่อผ่อนคลาย ลงทรีตเม้นท์พร้อมนวดศรีษะ และผ่อนคลายกับวงแหวนน้ำอุ่น หากใครที่ซื้อคอร์สเพิ่มเติม ก็จะมีการนวดกัวซาหน้า และศรีษะ นวดหน้าด้วยเครื่องนวดหน้า EMS เพื่อยกกระชับ ชะลอวัย และการอบไอน้ำแบ NANO

 

หากใครสนใจสระผมเวียดนาม ตอนนี้ทางร้านกำลังจัดโปรโมชันส่วนลด สำหรับลูกเพจ Atime ดังนี้

  • คอร์สสระผมเวียดนาม 1 ชัวโมง 15 นาที ปกติราคา 590 บาท เหลือ 550 บาท เพียงแลก 5,000 พ้อยท์ จำนวน 30 สิทธิ์
  • คอร์สคอร์สสระผมเวียดนาม 1 ชัวโมง 45 นาที ปกติราคา 990 เหลือ 890 บาท เพียงแลก 8,000 พ้อยท์ จำนวน 30 สิทธิ์

*กรณีต้องการใช้สิทธิ

  • กรุณาติดต่อ 096-723-3311 เพื่อทำการจองคิวกับทางร้าน
  • กรุณายื่นบัตรประชาชน พร้อมหน้า Redeem Points จากแอปพลิเคชัน Atime FungFin ที่หน้าร้าน LAMER SLEEP SALON

*เงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสดได้

 

สามารถแลกแต้งเพื่อรับส่วนลดกันได้ทางแอปพลิเคชัน Atime FungFin

ดาวน์โหลดได้ทาง IOS และ Android

  • พิกัดร้าน : โครงการ The Platinum Place ชั้น 2 21 ถ. วัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ
  • เดินทาง : รถยนต์ส่วนตัว - มีที่จอด หรือ BTS สถานีมัยลาภ
  • ติดต่อ : 082 098 9168
  • ไลน์ : @lamersleepsalon

 

ผู้เขียน : เบญญาภา แนบเนียน

ภาพ : นินจา ซิมทิม

related Food & Beverage

“โรคงูสวัด” อันตรายกว่าที่คิด แพทย์ย้ำ อายุ 50+ และมีโรคร่วมเสี่ยงปัญหาสุขภาพร้ายแรง

18 มี.ค. 2025

“โรคงูสวัด” อันตรายกว่าที่คิด แพทย์ย้ำ อายุ 50+ และมีโรคร่วมเสี่ยงปัญหาสุขภาพร้ายแรง

แพทย์เตือนผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปและมีโรคร่วม เสี่ยงที่จะเป็นโรคงูสวัด ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น ปวดเส้นประสาทอย่างรุนแรงและยาวนาน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ทั้งการนอน การทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน หากเกิดที่ใบหน้าหรือดวงตา อาจทำให้สูญเสียการมองเห็น หรือเกิดปัญหาทางระบบประสาทได้ ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำการป้องกันโรคและภาวะแทรกซ้อนนพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ สถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีโรคอื่นร่วมด้วยมีความเสี่ยงเป็นโรคงูสวัด อาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพร้ายแรงตามมา โดยเฉพาะอาการปวดเส้นประสาทที่อาจจะรุนแรงและยาวนานหลายเดือนหรือเป็นปี ส่งผลกระทบต่อการนอน การทำงาน ตลอดจนการใช้ชีวิตประจำวัน บางรายอาจเป็นภาวะซึมเศร้า รู้สึกโดดเดี่ยวจากการเก็บตัวจากสังคม นอกจากนี้ โรคงูสวัดยังอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังเกิดเป็นแผลเป็นถาวร หากเกิดที่ใบหน้าหรือดวงตาอาจทำให้สูญเสียการมองเห็น หรือเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทบนใบหน้าได้ ในบางกรณีอาจนำไปสู่การเป็นโรคเส้นเลือดในสมองหรือกล้ามเนื้อหัวใจตายได้ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง“ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีโอกาสเป็นโรคงูสวัดมากกว่าผู้ที่มีอายุน้อย เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายจะลดลง อีกประเด็นหนึ่ง คือ ผู้ที่มีอายุมากส่วนใหญ่จะมีโรคร่วมต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคที่จะต้องได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันลดลง เมื่อมี 2 ปัจจัยนี้เข้ามาจึงทำให้ผู้สูงอายุเสี่ยงเป็นโรคงูสวัดมากขึ้น” นพ. วีรวัฒน์ กล่าวโรคงูสวัดเป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับอีสุกอีใส แม้ว่าจะหายจากอีสุกอีใสแล้ว แต่เชื้อไวรัสไม่ได้หายไปยังคงแฝงตัวอยู่ในปมประสาท และสามารถกลับมาแสดงอาการได้อีกครั้งเมื่ออายุมากขึ้น เชื้อไวรัสตัวนี้จะออกมาใหม่ในรูปแบบของโรคงูสวัด โดยอาการจะแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรกจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน ควบคู่กับมีตุ่มน้ำใสขึ้นตามร่างกาย ทำให้เกิดแผล และระยะหลังจากแผลหายจะมีอาการปวดตามปลายประสาท โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุเยอะ รวมถึงผู้ที่มีโรคร่วม อาการปวดจะยิ่งรุนแรง และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว“แนวทางป้องกันโรคงูสวัด สามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ได้แก่ การออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รักษาสุขอนามัย และการรับวัคซีนป้องกัน ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด 2 ชนิด ได้แก่ วัคซีนชนิดไม่ใช่เชื้อเป็น สามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงต่อโรคงูสวัดมากกว่าปกติ และวัคซีนชนิดเชื้อเป็นสำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป การรับวัคซีนจะช่วยลดโอกาสเกิดโรคงูสวัด และหากเป็นโรคงูสวัดก็จะช่วยลดความรุนแรงของอาการและภาวะแทรกซ้อนได้" นพ. วีรวัฒน์ กล่าวสรุปข้อมูลอ้างอิง1. Harpaz, R., et al. (2008). MMWR, 57(RR-5), 1–CE4.2. Marra, F., Parhar, K., Huang, B., Vadlamudi, N. (2020). Open forum infectious diseases, 7(1), ofaa005.3. Erskine, N., et al. (2017). PloS one, 12(7), e0181565.4. Forbes, H. J., et al (2016). Neurology, 87(1), 94–102.

พาทัวร์ BDMS WELLNESS CLINIC ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจร บนถนนวิทยุ

21 ก.ย. 2023

พาทัวร์ BDMS WELLNESS CLINIC ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจร บนถนนวิทยุ

ช่วงนี้เทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง เพราะรอบตัวเต็มไปด้วยมลพิษต่าง ๆ ผู้คนก็เลยหันมาสนใจในการดูแลตัวเองมากขึ้น วันนี้เราเลยจะชวนทุกคนมาดูแลตัวเองแบบครบวงจร ตั้งแต่หัวจรดเท้า ที่ BDMS WELLNESS CLINIC ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจร บนถนนวิทยุ ปาร์คนายเลิศBDMS WELLNESS CLINIC มีทั้งหมด 8 ชั้น ก็จะครอบคลุมหมดเลย ทั้งสุขภาพร่างกาย การเสริมวิตามินต่าง ๆ ทันตกรรม เส้นผม ผิวพรรณ รวมไปถึงภาวะการมีบุตรยากด้วยสำหรับโปรแกรมที่เราได้ทดลองทำ คือโปรแกรม BWC Antioxidants Plus Customized Vitamin เป็นการตรวจเลือด เพื่อวิเคราะห์ปริมาณวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ 10 ชนิด พร้อมรับวิตามินเฉพาะบุคคลออกแบบตามผลเลือด สำหรับ 1 เดือนวิธีการของเขาก็คือจะมีแบ่งเป็นขั้นตอน เริ่มต้นกันที่วัดความดัน ตรวจสุขภาพในร่างกายทางด้านต่างๆต่อมาคุณหมอก็จะทำการสอบถามเช็คประวัติในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ภาวะความเครียด การรับประทานอาหารแต่ละมื้อ และการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อทำการวิเคราะห์ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ "การเจาะเลือด" เพื่อตรวจวัดระดับวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย จากนั้นนำผลตรวจไปวิเคราะห์โดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกันหลังจากนั้นทางคลินิคก็จะจัดวิตามินเฉพาะบุคคลมาให้เราทาน 1 เดือน เรียกได้ว่าขาดตรงไหน ก็ทานเสริมตรงนั้นแบบตรงจุดของแต่ละคนเลยอีกโปรแกรมที่เราได้ทดลอง และน่าจะถูกใจคนที่กำลังกังวลเรื่องปัญหาผิวพรรณ ก็คือโปรแกรม Skin Analysis การตรวจวิเคราะห์สภาพผิวเฉพาะบุคคล โปรแกรมนี้จะทำให้เรารู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาผิว โดยใช้กล้องที่มีความละเอียดสูง ตรวจวิเคราะห์ผิวชั้นบนและผิวชั้นที่ลึกลงไป ซึ่งจะช่วยในการประเมินการเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตั้งแต่ปริมาณรอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ ริ้วรอย ความไม่สม่ำเสมอของผิว ความกว้างของรูขุมขน UV Spots สารที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดสิวบนใบหน้า รวมถึงประเมินอายุผิวของแต่ละบุคคลด้วย หลังจากที่ได้ใช้กล้องตรวจแล้ว เราก็จะได้พบแพทย์ เพื่อฟังคำอธิบายในแต่ละส่วน แพทย์ที่นี่ก็จะชี้ให้เราเห็นเลยว่า เรามีปัญหาผิวทางด้านใดบ้าง ต้องเสริมตรงไหน ดูแลยังไง ใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับปัญหาผิว ก็สามารถปรึกษาแพทย์ที่นี่ได้หมดเลย เขาพร้อมที่จะให้คำแนะนำอย่างเป็นกันเองสุด ๆเมื่อรู้ปัญหาผิวแล้ว ก็ตบท้ายด้วยการทำ BWC Royal Bright ทรีตเมนต์ผลักวิตามินและสารอาหารเข้าสู่ผิวพรรณบริเวณใบหน้าและลำคออย่างล้ำลึก โดยไม่ต้องใช้เข็ม สำหรับใครที่กลัวเจ็บ หมดความกังวลทันที เพราะที่ BDMS WELLNESS CLINIC เขาเน้นการดูแลแบบไม่จำเป็นต้องเจ็บตัวสำหรับโปรแกรม BWC Royal Bright ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที โดยเขาจะใช้นวัตกรรมจากเครื่อง Infusion ทำงานโดยใช้กระแสไฟฟ้าที่มีความถี่และเวลาในการปล่อยที่เหมาะสม เพื่อสร้างช่องว่างชั่วคราวบริเวณเซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุด และส่งผ่านวิตามินลงไปซึ่งวิธีนี้สามารถส่งวิตามินและสารอาหารผิวลงไปได้อย่างล้ำลึก และมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวพรรณขาวกระจ่างใส ชุ่มชื้น ลดเรือนริ้วรอย กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้เผชิญมลภาวะมาเยอะ จนทำให้ผิวเสื่อมโทรม และต้องการกู้ให้ผิวกระจ่างใส เปล่งปลั่งเห็นแบบนี้แล้ว เริ่มสนใจกันบ้างหรือยัง สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่ดูแลตัวเองแบบครบวงจร เรียกว่ามีปัญหาสุขภาพตรงส่วนไหน ก็สามารถมาดูแลได้อย่างตรงจุด สามารถแวะมาได้ที่ BDMS WELLNESS CLINIC ถนนวิทยุ ปาร์คนายเลิศ ได้เลย แล้วมาดูแลตัวเองไปด้วยกันนะ

โนโรไวรัส (Norovirus) ตัวการท้องเสียระบาดในเจ้าตัวเล็ก

10 ม.ค. 2025

โนโรไวรัส (Norovirus) ตัวการท้องเสียระบาดในเจ้าตัวเล็ก

โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ไวรัสชนิดนี้ระบาดได้ง่าย และรวดเร็วแม้ร่างกายได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อย ที่สำคัญทนต่อความร้อน และน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ดี ดังนั้นเมื่อเกิดการปนเปื้อนของโนโรไวรัสในอาหาร และน้ำดื่ม จึงทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และสามารถติดต่อกันได้ง่าย เนื่องจากใช้เวลาเพียงไม่นานในการแพร่กระจายเชื้อ ไวรัสนี้พบระบาดได้มากในฤดูหนาว ติดต่อได้ง่ายในสภาพอากาศเย็น และทำให้เกิดโรคทั้งในเด็กและผู้ใหญ่อาการที่พบบ่อยหากได้รับเชื้อโนโรไวรัสภายใน 24 – 48 ชั่วโมง ได้แก่ถ่ายเหลวเป็นน้ำปวดท้องคลื่นไส้อาเจียนปวดศีรษะไข้ต่ำปวดเมื่อยตามร่างกายอ่อนเพลียการตรวจและรักษาตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อโนโรไวรัส ทำได้โดยการเก็บตัวอย่างอุจจาระเพื่อส่งตรวจพิเศษกับห้องปฏิบัติการ หากพบว่าติดเชื้อโนโรไวรัส แพทย์จะทำการดูแลรักษาตามอาการเป็นสำคัญ หากเด็กมีภูมิต้านทานที่ดีอาการจะดีขึ้นและหายได้เองภายใน 2 – 3 วันแต่หากเด็กเกิดการขาดน้ำอาจทดแทนด้วยการดื่มน้ำเกลือแร่หรือการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด รับประทานอาหารอ่อน ๆ หรือให้ยาแก้อาเจียน และยาแก้ปวดท้อง แต่ถ้าเด็กภูมิต้านทานต่ำ มีอาการรุนแรงถึงขั้นถ่ายตลอดเวลาต้องนำส่งโรงพยาบาลทันทีและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดการช็อก ความดันต่ำ และเสียชีวิตได้การติดต่อของโรครับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโนโรไวรัส พบบ่อยในน้ำดื่ม น้ำแข็ง ผักผลไม้สด หอยนางรม เป็นต้นเด็กจับหรือสัมผัสกับสิ่งของที่มีเชื้อโนโรไวรัสแล้วเอานิ้วเข้าปากสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรงป้องกันระวังติดเชื้อก่อนทานหรือหยิบจับอาหารและหลังเข้าห้องน้ำต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งการล้างมือให้สะอาดต้องล้างด้วยน้ำสบู่ โดยให้น้ำไหลผ่านไม่ต่ำกว่า 15 วินาทีดื่มน้ำที่สะอาด เลือกรับประทานอาหารที่สุก สะอาด สดใหม่เลี่ยงการหยิบจับหรือทำอาหารให้ผู้อื่นใช้ช้อนกลางหากต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นเพราะเชื้อโนโรไวรัสสามารถติดต่อได้ง่าย และปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน รวมถึงยังไม่มียาที่กำจัดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ จึงควรดูแลเจ้าตัวเล็กอย่างใกล้ชิดในเรื่องของการรับประทานอาหาร และน้ำดื่มที่สะอาด ที่สำคัญล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง คือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ห่างไกลจากเชื้อโนโรไวรัสขอขอบคุณข้อมูลจาก Bangkok Hospital โรงพยาบาลกรุงเทพ

15 ไอเดีย เพ้นต์เล็บธีมคริสต์มาส

11 ธ.ค. 2025

15 ไอเดีย เพ้นต์เล็บธีมคริสต์มาส

เทศกาลแห่งความสุขกำลังจะมาถึง! การเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ และ "เล็บ" ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ช่วยเพิ่มความสนุกสนานและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าคุณจะชอบสไตล์น่ารักขี้เล่น, หรูหราวิบวับ, หรือเรียบง่ายแต่ดูดี เราได้รวบรวม 15 ไอเดียเพ้นท์เล็บธีมคริสต์มาส ที่กำลังอินเทรนด์มาฝาก รับรองว่าทำตามได้ง่าย หรือจะใช้เป็นแรงบันดาลใจให้ช่างทำเล็บของคุณสไตล์หรูหรา วิงค์วับ และคลาสสิกไอเดียสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหรา และยังคงไว้ซึ่งสีสันคลาสสิกของเทศกาลอย่างสีแดง เขียว และทองคริสต์มาสคลาสสิก แดง-เขียว-ขาว ลายตารางและโฮลลี่การจับคู่สี แดงเบอร์กันดี (Maroon), เขียวเข้ม (Forest Green) และ สีครีม/ขาว ไม่มีวันตกยุค ลองเพิ่มลวดลายคลาสสิกอย่างลาย ตารางสก็อต (Tartan/Plaid) หรือเพ้นท์ลาย ใบฮอลลี่และลูกเบอร์รี (Holly Berries) ลงบนเล็บเพื่อเพิ่มความสวยงามแบบดั้งเดิมต้นคริสต์มาสสีทองอร่ามบนพื้นเข้มสำหรับคนที่ชอบความวิบวับเป็นพิเศษ ลองทาเล็บพื้นสีเขียวเข้มหรือสีน้ำตาลอมแดง แล้วใช้ กลิตเตอร์สีทอง วาดเป็นรูปทรง ต้นคริสต์มาส หรือทำเป็นดีไซน์ สลับกับเล็บกลิตเตอร์สีทองเต็มเล็บ จะช่วยเพิ่มมิติและดูหรูหราขึ้นทันทีเล็บแดงเมทัลลิคและกลิตเตอร์สีแดงเป็นสีหลักของคริสต์มาส! เลือกทาสีแดงสดหรือแดงเข้มในรูปแบบ เงา (Glossy) หรือ ด้าน (Matte) ผสมกับการทาสีแดง กลิตเตอร์ (Glitter) เต็มเล็บ หรือทำเป็นปลายเล็บแบบ เฟรนช์ทิป (French Tip) เพื่อให้ลุคที่ดูแพงและโดดเด่นสะดุดตามินนี่ มิกกี้ เฟรนช์ทิปคริสต์มาสใครที่รักตัวการ์ตูนสุดคลาสสิกอย่างมิกกี้และมินนี่ ลองดีไซน์ ปลายเล็บสีแดงขาว สลับกับเล็บที่เพ้นท์ลาย หูมิกกี้, โบว์, และใบฮอลลี่ บนพื้นสีนู้ด เป็นการผสมผสานความน่ารักและความหรูหราอย่างลงตัวโบว์ผูกของขวัญหลากสีเล็บสไตล์เรียบหรูที่เน้นการเพ้นท์ลายเส้น ลองใช้สีแดงสด, เขียว, และทอง วาดเป็นรูป โบว์ผูกของขวัญ (Ribbon Bow) บนพื้นเล็บสีนู้ดหรือสีขาว เป็นลุคที่ดูสะอาดตาแต่มีรายละเอียดที่น่ารักมากๆ ค่ะสไตล์ฤดูหนาวและเกล็ดหิมะเน้นสีโทนเย็นอย่างขาว น้ำเงิน และนู้ด พร้อมลวดลายที่สื่อถึงฤดูหนาวอย่างชัดเจนลายถักนิตติ้งและใบฮอลลี่มงกุฎเพิ่มเท็กซ์เจอร์ให้กับเล็บด้วยการเพ้นท์ลาย ถักนิตติ้ง (Sweater Nails) สีขาวนูนๆ สลับกับการเพ้นท์ลาย ใบฮอลลี่ สีแดง-เขียวบนพื้นเล็บสีนู้ด เป็นการจำลองลวดลายของเสื้อกันหนาวคริสต์มาสที่คุณชื่นชอบมาไว้บนเล็บสโนว์เฟล็กสีทองบนพื้นสีขาวสะอาดตาหากต้องการความเรียบง่ายแต่ยังคงธีมคริสต์มาสไว้ ลองทาเล็บด้วย สีขาวครีม (Off-White) แล้วประดับด้วย สติ๊กเกอร์หรือเพ้นท์ลายเกล็ดหิมะสีทอง เล็กๆ และเพิ่มดีไซน์ลายเส้นมินิมอลอื่นๆ ลุคนี้ดูสะอาดตาและเข้ากับเสื้อผ้าได้ทุกสไตล์ขนมปังขิง (Gingerbread Man) และขนมหวานแปลงโฉมเล็บให้กลายเป็นตู้ขนมคริสต์มาส! เพ้นท์ ตุ๊กตาขนมปังขิง, ไม้เท้าลูกกวาด (Candy Cane), พวงหรีด, หรือแม้แต่ลาย HO HO HO สีชมพู-แดงลงบนพื้นเล็บสีนู้ดหรือสีชมพูอ่อน เป็นไอเดียที่น่ารักและขี้เล่นสุดๆเกล็ดหิมะสีขาวบนปลายเล็บออมเบรกลิตเตอร์เป็นหนึ่งในลายที่ได้รับความนิยมที่สุด! ทำเล็บทรงอัลมอนด์หรือโลงศพด้วยเทคนิค ออมเบร (Ombré) สีขาว/กลิตเตอร์ที่ปลายเล็บ และเพ้นท์ เกล็ดหิมะ (Snowflakes) สีขาวขนาดต่างๆ ลงไป เป็นลุคที่ดูอ่อนโยน โรแมนติก และเข้ากับบรรยากาศหิมะตกสุดๆลายกวางเรนเดียร์และคริสต์มาสเฟรนช์ทิปใช้สีนู้ดเป็นพื้นฐาน แล้วเพ้นท์ลายต่างๆ ผสมกัน เช่น ลายกวางเรนเดียร์, เกล็ดหิมะ, ปลายเล็บสีขาวชมพูสลับลายทาง, และเพิ่มความวาวด้วย กลิตเตอร์สีทอง/น้ำตาล ที่เล็บใดเล็บหนึ่ง ลุคนี้ดูซอฟต์และน่ารักมากๆ ค่ะลายเส้นสีเขียวเมทัลลิคกับเกล็ดหิมะสำหรับสายเขียว! ลองใช้สีเขียวเข้มในรูปแบบ เมทัลลิค (Metallic) หรือ Cat Eye สลับกับเล็บพื้นสีนู้ดที่เพ้นท์ ลายเส้นสีเขียว และ เกล็ดหิมะสีขาว ดีไซน์นี้ดูมีความทันสมัยและสวยงามไม่ซ้ำใครสไตล์น่ารักขี้เล่นเน้นลวดลายน่ารักๆ ที่สื่อถึงขนม ของเล่น และความสนุกสนานของเทศกาลสีเขียวและทองกับไฟประดับสำหรับเล็บยาว ลองใช้สีเขียวเข้มและสีทองสลับกัน แล้วเพ้นท์ลาย ต้นคริสต์มาสประดับไฟ (Christmas Tree) เป็นเส้นสายสีทองและจุดเล็กๆ สีแดง เป็นลุคที่ผสมผสานความน่ารักและหรูหราไว้ด้วยกันไม่ว่าคุณจะเลือกดีไซน์ไหน อย่าลืมเตรียมพร้อมและดูแลสุขภาพเล็บให้แข็งแรงก่อนทำสีนะคะเขียนโดย : เบญญาภา แนบเนียน