พูดคุยกับ “MAIYARAP” ถึงเบื้องหลังการทำซิงเกิลล่าสุด “ใครในเพลง”

Beauty & Health

พูดคุยกับ “MAIYARAP” ถึงเบื้องหลังการทำซิงเกิลล่าสุด “ใครในเพลง”

31 มี.ค. 2023

“MAIYARAP (ไมยราพ)” หรือ “แชมป์-นครินทร์ จรูญวิทยา” แร็ปเปอร์หนุ่มมากความสามารถจากค่าย YUPP! กลับมาอีกครั้งพร้อมซิงเกิลใหม่ล่าสุด "ใครในเพลง" ซึ่งได้ศิลปินรุ่นพี่อย่าง “แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข” มาร่วมชวนให้ทุกคนอินไปกับท่วงทำนองแห่งความทรงจำที่ยังคงติดอยู่ในใจ วันนี้เราจึงชวนแชมป์มาร่วมค้นหาใครในเพลง พูดคุยถึงเบื้องหลังในการทำเพลงนี้กัน

ช่วยเล่าคอนเสปของเพลง “ใครในเพลง” ให้ฟังหน่อย

“คอนเสปของเพลงนี้ก็คือ เราซ่อนใครคนนึงไว้ในเพลง แต่กิมมิคของเพลงนี้ คืออยากให้ทุกคนฟังแล้วไม่ได้รีเลทถึงแค่ความรักของหนุ่มสาว อยากให้นึกถึงทั้งกลุ่มเพื่อน ครอบครัว แล้วก็อีกหลาย ๆ อย่างที่เราซ่อนไว้ในเพลง”

เพลงนี้ใช้เวลาทำนานมั้ย

“2 ปีกว่าเกือบ 3 ปีได้ครับ”

จุดเริ่มต้นของเพลงนี้เริ่มมาจากอะไร

“จุดเริ่มต้นมาจากแชมป์ได้เจอกับพี่แสตมป์ในโปรเจคโปรเจคนึง แล้วเราก็คุยกันไว้นานแล้ว ว่าเราอยากทำเพลงด้วยกัน พอมีโอกาส แชมป์ก็เลยชวนพี่แสตมป์ทำเพลงนี้ ก็เลยโยนคอนเสปไปให้พี่แสตมป์ ว่าเราจะใช้คอนเสปนี้นะ ซ่อนใครในเพลง”

เพลงนี้มีความยากขึ้นจากเพลงก่อน ๆ มั้ย

“เพลงนี้ความยากของมันน่าจะเป็นเรื่องของความหมายเพลง อย่างที่แชมป์บอกไปว่า ไม่ได้อยากให้สื่อถึงความรักของหนุ่มสาวอย่างเดียว เรียกว่าอยากให้ฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงอีกเพลงนึง แล้วทันทีที่ฟังอีกเพลงนึง ก็จะวนกลับมานึกถึงเพลงนี้ อันนี้มันคือสิ่งที่ยาก แล้วจุดที่ยากที่สุดอีกจุดนึง เป็นเหตุผลที่เพลงนี้มันนาน 2ปีเกือบ 3 ปี เพราะว่าแชมป์ไม่สามารถเขียนเนื้อเพลงให้จบได้ จนตอนแชมป์เสียคุณป้า แชมป์ก็เลยเข้าใจความรู้สึกมากขึ้น ว่าคนที่เขาซ่อนใครไว้ในเพลง ที่นอกเหนือจากความรักของหนุ่มสาวเนี่ยมันเป็นยังไง”

ชอบเนื้อร้องท่อนไหนที่สุดในเพลง

“ชอบทุกท่อนเลยครับ โดยเฉพาะท่อนของพี่แสตมป์ พี่เขาเป็นเหมือนส่วนผสมสุดท้ายที่ทำให้เพลงนี้มันลงตัวที่สุดแล้ว”

ใครในเพลง ในมุมมองของแชมป์ สื่อถึงใคร

“สำหรับตัวแชมป์เอง แชมป์รู้สึกว่าเพลงนี้สื่อถึงคุณป้า แต่ว่าอยากให้ทุกคนฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงใครก็ได้ ที่ทุกคนซ่อนไว้ในเพลง”

ทำไมถึงเลือก feat. กับพี่แสตมป์

“ต้องบอกก่อนว่าแชมป์มองพี่แสตมป์เป็นไอดอลครับ แชมป์มีไอดอลเรื่องการเขียนเนื้อเพลงอยู่ 3 คน มีพี่แสตมป์ อภิวัชร์ พี่อะตอม ชนกันต์ แล้วก็พี่กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ ผมชอบพี่แสตมป์ถึงขนาดที่ว่าไปซื้อหนังสือนิ้วกลมตามพี่แสตมป์เลยนะ อ่านตามเลย”

นี่เป็นการร่วมงานกับพี่แสตมป์ครั้งแรกหรือเปล่า

“เป็นการร่วมงานกันครั้งที่สองแล้วครับ”

แล้วการร่วมงานกันครั้งนี้เป็นยังไงบ้าง

“เขินครับ เป็นครั้งที่สองแล้วก็ยังเขินอยู่ รู้สึกเกร็ง ๆ แล้วก็เป็นเกียรติมากที่ได้ทำงานร่วมกับไอดอลของเรา แชมป์รู้สึกว่ามันนับเป็นอีกความสำเร็จในชีวิตได้เลยที่ได้ร่วมงานกับพี่แสตมป์”

สตอรี่ของ MV “ใครในเพลง” เป็นยังไง

“สตอรี่ MV อันนี้ต้องขอบคุณพี่ผู้กำกับเลยครับ ที่วางสตอรี่มา 3 ไลน์ ไลน์สตอรี่แรกคือผู้ชายคนนึงที่คิดถึงกลุ่มเพื่อนตอนฟังเพลง สตอรี่ที่สองก็คือเรื่องของพี่ชายน้องชาย และอีกสตอรี่นึงก็คือความรักของหนุ่มสาว ที่บังเอิญไปเจอแฟนเก่าอยู่กับแฟนใหม่ แต่ตัวเองก็ยังรู้สึกอยู่”

ในมุมมองของแชมป์ คิดว่าเพลงนี้ให้ความรู้สึกแบบไหน เป็นเพลงอกหัก เพลงเศร้า หรือเพลงคิดถึง

“จะมองว่าเศร้ามันก็เศร้า จะมองว่าคิดถึงมันก็คิดถึง ผมเรียกมันว่าเพลงเศร้าแล้วกัน เพราะฟังแล้วมันก็เศร้า มันอาจจะเศร้าเพราะความคิดถึง หรืออาจจะเศร้าเพราะความรู้สึกสูญเสียเหมือนกับแชมป์”

มีเพลงแนวไหนที่รู้สึกว่าอยากทำแต่ยังไม่ได้ทำมั้ย

“อยากทำเพลงลูกทุ่ง แล้วก็ไปทางเพลงป๊อปสนุก ๆ หน่อย อยากเต้นครับ”

ฝากอะไรถึงแฟนคลับ และคนที่ติดตามผลงานของแชมป์อยู่หน่อย

“อยากฝากให้ทุกคนรอติดตามผลงานใหม่ ๆ นะครับ ตอนนี้หลังจากเพลงใครในเพลง แชมป์ก็พยายามที่จะรวบรวมอัลบั้มเต็มให้เสร็จภายในปลายปีนี้ ก็อยากให้ทุกคนรอติดตามกันครับ ผมก็พยายามจะหาอะไรใหม่ ๆ ทำ ก็หวังว่าทุกคนจะยังไม่เบื่อกันนะ” 

ย้อนกลับไปสู่ห้วงความทรงจำกับซิงเกิล “ใครในเพลง” จาก “MAIYARAP x STAMP” ได้แล้ววันนี้ ทาง YouTube YUPP! และมิวสิกสตรีมมิงทุกแพลทฟอร์ม

related Beauty & Health

Talk with “Mirrr” ถึงเบื้องหลังซิงเกิลล่าสุด “กำแพงหัวใจ (Heartwall)”

08 ก.ย. 2023

Talk with “Mirrr” ถึงเบื้องหลังซิงเกิลล่าสุด “กำแพงหัวใจ (Heartwall)”

เรียกได้ว่าโดนใจคนใกล้ที่ไม่มีทางได้ลงเอยสุด ๆ สำหรับ "กำแพงหัวใจ (Heartwall)” ซิงเกิลใหม่จาก โต-เลอทัศน์ เกตุสุข และ นาว-วิชชานนท์ ว่องวีรชัยเดชา สองหนุ่มวง Mirrr แห่งค่าย What The Duck ที่หยิบเอามุมมองของคนสองคน ซึ่งกำลังตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่ต่างคนต่างมีกำแพงในใจของตัวเอง มาเล่าผ่านเพลงที่ฟังง่าย ให้กลิ่นไอเพลงในยุค 2000 วันนี้เราจึงได้ชวนทั้งคู่ มาร่วมพูดคุยถึงเรื่องราวในซิงเกิลนี้กันช่วยเล่าคอนเสปของเพลง "กำแพงหัวใจ" ให้เราฟังหน่อยโต – “คอนเสปมันคือเราอยู่ในความสัมพันธ์ที่เราอยากพัฒนา แต่อีกฝ่ายไม่อยากพัฒนาความสัมพันธ์ ก็เลยสร้างกำแพงขึ้นมา เลยเป็นคอนเสปของเพลงกำแพงหัวใจ”เพลงนี้เริ่มต้นมาจากอะไรโต – “จำไม่ได้ครับ (หัวเราะ) เพราะเพลงนี้อยู่ที่ช่วงที่เขียนเพลงเยอะมาก ๆ เลยครับ แล้วช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ความจำไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จริง ๆ นะครับ บางทีพูดไปเมื่อกี้ ลืมแล้ว ก็เลยจำไม่ได้ว่าเพลงนี้มีที่มาจากอะไร”งั้นพอจำได้มั้ยว่าเพลงนี้ได้เนื้อร้องหรือทำนองมาก่อนโต – “อันนี้ถ้าคิดเอาเองนะ โดยปกติแล้วของตัวผมเองจะมาพร้อมกันครับ สมมุติเล่นกับกีต้าร์ ก็จะไม่ใช่แค่ฮัมขึ้นมา แต่จะร้องมาเป็นคำเลย”คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดในการทำเพลงนี้นาว – “น่าจะเป็นพาร์ทร้องคอรัสครับ เพราะว่าเขาทำคอรัสเยอะมาก มันมีเวลาจำกัด แล้ววันนั้นก็ร้องกันสนุก เพลินไปเรื่อย ๆ เกือบตีห้าอะครับ ก็ไม่เชิงยาก แต่ว่าใช้เวลานาน”โต – “ถ้าในเชิง process น่าจะเป็นเรื่องการอัดร้อง แต่ถ้าในองค์รวมน่าจะเป็นเรื่องการตัดสินใจที่ยากที่สุด เพราะตอนแรกไม่ได้ตัดสินใจจะเอาเพลงนี้มาปล่อยต่อ คือไม่ได้กะจะเอาเพลงนี้มาทำด้วยซ้ำ แต่อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกว่า พอไทม์มิ่งมันใช่ กับมู้ดอะไรต่าง ๆ ก็เลยรู้สึกว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่เราสองคนชอบ ณ เวลาตอนนี้พอดี”มีท่อนที่ชอบที่สุดในเพลงนี้มั้ยนาว – “ชอบท่อนพรีครับ เมื่อในทุกค่ำคืน ฉันยืนอยู่ตรงที่เก่า ยังแอบหวังให้เราเป็นมากกว่านี้”โต – “งั้นผมเลือกเป็นท่อนฮุคครับ”ถ้าเจอคนที่กำแพงสูงมาก จะเลือกพยายามทำลายกำแพง หรือไปหาคนอื่นดีกว่านาว – “เลือกอย่างแรกครับ จนกว่าจะไม่ไหวก็ค่อยออกไป”โต – “ผมไม่ชอบทำลายกำแพง แล้วผมก็จะไม่ไปหาคนอื่นด้วย ถ้าผมชอบคนนึง ผมก็คงจริงใจกับเขา ไม่ให้เขาสร้างกำแพงอะครับ คอนเสปของเพลงกำแพงหัวใจ มันคือการที่คนนึงอยากพัฒนาความสัมพันธ์ แต่อีกฝ่ายสร้างกำแพง ผมรู้สึกว่า งั้นการที่อีกฝ่ายอยากพัฒนาความสัมพันธ์ มันอาจจะเร็วเกินไป มันอาจจะไม่ถูกจังหวะ หรือมันอาจจะไม่เหมาะสม ผมก็รู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องไปทำลายกำแพงเขา สำหรับผมนะ ถ้าเขาโอเคกับเรา เขาจะเปิดเอง เราค่อย ๆ ไปได้ เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรขนาดนั้น”ส่วนตัวเป็นคนที่มีกำแพงมั้ย แล้วคิดว่าคนแบบไหนถึงจะทำลายกำแพงเราได้นาว – “ปกติถ้าใครเข้ามาก็คงจะลองศึกษาดูใจกันมั้งครับ”โต – “ผมว่าสุดท้ายผมนี่แหละจะเป็นคนทำลายกำแพงลงเอง มันเหมือนผมสร้างเมืองอะครับ ผมจะสร้างกำแพงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะว่าเมืองของผมต้องปลอดภัย คิดแค่นั้น แต่ฟังก์ชันของผมคือผมไม่จำเป็นต้องไปทำลายกำแพง ถ้ากับคนที่ผมโอเค ผมก็แค่เปิดประตูให้เขาเข้ามา คือผมแค่มีกำแพงกับอันตราย กับหมาป่า กับทุก ๆ อย่าง ผมสร้างกำแพงขึ้นเพียงเพราะผมต้องการปกป้องคนในกำแพง ซึ่งผมมองว่าประชาชนในกำแพงนั่นก็คืออินไซด์ร่างกาย คือจิตใจ คือทุกอย่างของผม ถ้ากับคนที่ผมโอเค ผมจะไม่มีกำแพงเลย เพราะเขาเข้ามาอยู่ในเมืองของผมแล้ว ผมเปิดประตูรับเข้ามาแล้ว มาเอ็นจอย มาแฮงค์เอาท์ด้วยกันได้เต็มที่ในนี้ แล้วเราจะปลอดภัยจากข้างนอกด้วยกันครับ”อยากให้เพลง “กำแพงหัวใจ” เป็นอะไรสำหรับคนฟังนาว – “จริง ๆ เลย ผมอยากให้เป็นแรงบันดาลใจครับ เราคิดอะไรก็ทำในสิ่งที่เราคิด พยายามในสิ่งที่เราเป็น บางทีชีวิตเราก็ลีดด้วยความหวัง แต่ถ้ามันมีแต่ความหวัง ไม่มีความจริงเลย มันก็จะทำให้เราหาทางลงไม่ได้ ผมก็เลยอยากให้เราเอาความจริงมาพูดคุยกันมากกว่า ถ้าเอาความจริงมาพูดคุยกัน ผมว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์สร้างกำแพงอะไรพวกนี้ มันน่าจะเป็นเรื่องของความชัดเจน ความจริงใจ ฟังก์ชันของมันคือ ในความสัมพันธ์ของเรา เราไม่ take advantage กัน เราไม่พยายามหาประโยชน์จากอีกฝ่าย ทั้งเราและฝ่ายตรงข้าม แต่เราทั้ง give and take กัน อย่างน้อยถ้าหลุดพ้นจากสิ่งนี้ไปได้แล้ว คำว่าหลุดพ้นในที่นี้คือ ไม่ว่าจะเป็นการทำลายกำแพงได้ ได้คบกัน หรือว่าจะแยกย้ายกันไป แต่อย่างน้อยมันไม่ต้องอยู่ในลูปนี้แล้ว ไม่อยู่ในลูปที่เราจะต้องสับสน ฟุ้ง ไม่แน่ใจ ไม่มั่นคง มันเหมือนเป็นแค่ stage แรกของความสัมพันธ์ที่บางคนอาจจะชื่นชอบ เพราะมันตื่นเต้น แต่ step ต่อไปอะครับ มันเป็น step ที่เรากำลังจะพูดถึง มันเป็น step ที่กำแพงกำลังจะเกิดขึ้นละ ซึ่งอันนั้นมันเป็น step ที่เราไม่ควรให้เขาสร้างกำแพงละ เราควรจะจริงใจกับตัวเราและกับเขา ผมไม่แน่ใจว่ามันตอบคำถามนี้ได้มั้ย แต่อย่างน้อยแค่เขาส่งเพลงนี้ไปให้อีกคน แล้วมันเคลียร์ประเด็นความสัมพันธ์เขาได้ ผมว่ามันก็ถือว่าโอเคแล้วครับ”MV เพิ่งจะทะลุ 1 ล้านวิวไปด้วย มีอะไรอยากบอกแฟนคลับที่ติดตามเราอยู่มั้ยนาว – “อยากขอบคุณที่ซัพพอร์ต รอติดตามผลงาน พวกเราดีใจมาก ๆ ที่ได้รับการตอบรับมาอย่างดี”โต – “เราอาจจะพูดด้วยน้ำเสียงโมโนโทน แต่เราดีใจมาก ๆ ครับ”นาว – “ก็คืออยากจะออกไปเจอทุก ๆ คนที่ซัพพอร์ต ถ้ามีโอกาสก็ทักทายกันได้ เพราะว่าพวกเราดีใจที่จะได้คุยแล้วก็ได้เจอทุกคนตลอดครับ”สปอยล์ซิงเกิลหน้าได้มั้ยว่าจะมาแนวไหนโต – “ร็อคครับ ผมก็พูดไปเรื่อย จริง ๆ ตอนนี้เราคุยกันว่า เราอยากจะทำในสิ่งที่เราอยากทำ เราอยากให้เพียวที่สุด ณ ตอนจุดเริ่มต้น เหมือนตอนอยู่ในห้องหลังม. อัดเพลง ไม่ต้องคิดเรื่องที่มันใหญ่เกินตัว คิดแค่ตัวเราสองคนว่าเราอยากทำอะไร เพราะฉะนั้นมันเหมือนกับว่า เพลงเราทำเรื่อย ๆ อยู่แล้ว แต่เราไม่ได้มองว่าทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้แบบนั้น มันเหมือนกับว่า วันนี้มึงอยากกินอะไรวะ มา กูกินด้วย วันนี้อยากทำเพลงอะไรวะ มา กูทำด้วย อันนี้กูไม่อยากทำอะ กูอยากทำอันนี้และ เพราะฉะนั้น ถ้าผมบอกตอนนี้ แพลนมันเป็นแบบนี้ใช่ปะ แต่พอไปถึงวันปล่อยจริง ๆ มันอาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้ อย่างเพลงกำแพงหัวใจเนี่ย อยู่ดี ๆ มันมาต่อโดยที่ไม่ได้ตั้งใจด้วยซ้ำ แต่จริง ๆ แล้วมันคือตั้งใจนะครับ คือการทำงานอะ แพลนไว้นานมาก เราตั้งใจที่จะยึดโยงกับตัวแพลนมาก ๆ แต่วิธีคิดของเราอัปเดตตลอดเวลา แล้วพอเราอัปเดตตลอดเวลา มันเลยทำให้บางอย่างมันไม่ up to date ของพวกเราแล้ว”นาว – “ก็คือเราทำอาร์ตด้วยความรู้สึก ด้วยฟีลลิ่ง ตอนที่เราคุยกันว่าเราอยากจะทำ สมมุติเราอยากจะทำแบบนี้ เมื่อประมาณสามเดือนที่แล้ว แต่ความรู้สึกปัจจุบันมันอาจจะใช้ไม่ได้แล้ว เราอาจจะเจอความรู้สึกที่มันเฟรชกว่า น่าสนุกกว่า”โต – “แต่ process เดดไลน์การทำงานมันก็ยังมีอยู่ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพยายามปรับสองสิ่งนี้ให้มันไปด้วยกันได้”สุดท้าย ฝากถึงคนที่กำลังเจอกับสถานการณ์แบบในเพลง “กำแพงหัวใจ” หน่อยโต – “สำหรับผม ผมอยากให้จริงใจกับตัวเองครับ แล้วค่อยจริงใจกับคนอื่น เราต้องจริงใจกับตัวเองก่อน ถึงจะจริงใจกับคนอื่นได้ จริงใจกับความรู้สึกของตัวเอง จริงใจว่าเรารู้สึกยังไง จริงใจว่าเราต้องการอะไร จริงใจว่าสิ่งที่เราคาดหวังคืออะไร สิ่งที่เราไม่คาดหวังคืออะไร สิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้นคืออะไร แล้วถ้ามันเป็นไปได้ ก็อยากให้ตั้งใจเพื่อตัวเอง ตั้งใจเพื่อสิ่งที่เราจริงใจกับตัวเอง ไม่เกี่ยวกับแค่เรื่องการทำลายกำแพงของใครนะครับ หมายถึงว่าถ้าเรามีแพชชั่นกับสิ่งที่เราทำ กับอะไรก็ได้ เราตั้งเป้าแล้วก็ทำมันไปเลย พรุ่งนี้เราอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ มันไม่ผิด เราก็ค่อยชัดเจนกับวันพรุ่งนี้ต่อไป มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ มันไม่เกี่ยวแล้ว เราเอาแค่ปัจจุบัน ดังนั้นผมเลยรู้สึกว่า ในเรื่องนี้มันเป็นแค่พาร์ทพาร์ทนึงในชีวิตของเรา มันเหมือนเป็นสารตั้งต้นของ attitude ทุกอย่าง แล้วเรื่องความสัมพันธ์ของคนที่เราอยากทำลายกำแพงอะ มันก็เหมือนโจทย์ที่ผมบอก คือสุดท้ายแล้วพอเรามีความตั้งใจตรงนั้นอะ มันก็จะโยงไปถึงความสัมพันธ์ที่เราก็จะตั้งใจ ทำตรงนั้นไม่ให้มันเกิดกำแพงขึ้นมา”นาว – “เพลงนี้มันกำลังพูดถึงกำแพงใช่มั้ยครับ ถ้ามันสูง จริง ๆ เราก็แค่พัฒนาตัวเองให้มีความสามารถในการที่จะเดินทางขึ้นไป สมมุติถ้าเขากำแพงสูง เราก็แค่สร้างกำแพงของเราขึ้นมาให้สูงเท่าเขา แล้วก็กระโดดข้ามไปก็ได้ มันก็มีหลายวิธี แต่ว่า core หลัก ๆ ก็คือ ถ้าเราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด มันน่าจะมีวันที่เราประสบความสำเร็จในเรื่องนั้น”สามารถเข้าไปฟังและชม Music Video เพลง "กำแพงหัวใจ (Heartwall)” จากวง Mirrr ได้แล้ววันนี้บน YouTube: Whattheduck และทุกบริการ Music Streaming

พูดคุยกับสาว ๆ The Glass Girls ถึงเบื้องหลังโปรเจคพิเศษ The Journey (การเดินทาง)

26 ก.ค. 2023

พูดคุยกับสาว ๆ The Glass Girls ถึงเบื้องหลังโปรเจคพิเศษ The Journey (การเดินทาง)

น่ารักสดใสสุด ๆ สำหรับ The Glass Girls ที่เพิ่งปล่อยโปรเจคพิเศษ เป็นซิงเกิลน่ารัก ๆ ชื่อว่า The Journey (การเดินทาง) ออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟังกัน นอกจากนั้น MV เพลงนี้ ยังบินลัดฟ้าไปถ่ายทำกันถึงที่ประเทศญี่ปุ่น เราจึงได้ชวนสาว ๆ The Glass Girls มาเล่าเรื่องราวการเดินทาง และเบื้องหลังสนุก ๆ ในการทำโปรเจคพิเศษนี้กันชื่อวง The Glass Girls มีที่มาจากอะไร“ชื่อวงมาจากคอนเสปของวง ที่เป็นแก้วเปล่าพร้อมเปิดรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามา เป็นแก้วเปล่าที่น้ำไม่เต็มแก้ว พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ เสมอค่ะ”ตอนนี้ The Glass Girls มีสมาชิกทั้งหมดกี่คน“จริง ๆ มี 8 คน แล้วก็มีเทรนนีอีก 14 คนค่ะ”ซิงเกิลล่าสุด The Journey (การเดินทาง) เริ่มต้นมาจากอะไร“เป็นโปรเจคพิเศษของพวกเราค่ะ พวกเรามีโอกาสได้ไปที่ประเทศญี่ปุ่น ก็เลยเกิดเป็นเพลงนี้ขึ้นมาค่ะ”คอนเสปของซิงเกิลนี้คืออะไร“จะเกี่ยวกับการเดินทางค่ะ เพลงนี้ก็จะบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางที่ผ่านมาของพวกเรา ก็คือเป็นในเรื่องของทั้งประสบการณ์ และเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามามากมาย จนกลายมาเป็นวงเราในวันนี้”เมมเบอร์ในวงได้มีส่วนร่วมด้านไหนในการทำซิงเกิลนี้บ้าง“จริง ๆ ก็มีส่วนร่วมตั้งแต่เพลงเลยค่ะ ได้ร่วมอัดไกด์เพลงนี้ รู้สึกว่าทำความรู้จักกับเพลงนี้มาได้ระดับนึง ในส่วนอื่น ๆ ก็มีส่วนร่วมนิดหน่อย อย่างชุดนี่ก็ได้เข้าไปดูบ้างว่าทรงเข้ากับเรามั้ย ในส่วนของ MV อาจจะไม่ได้เข้าไปมากเท่าไหร่ เพราะเรารู้สึกว่าความน่ารักในแบบของพวกเรา ก็จะตอบโจทย์การทำ MV ในแต่ละครั้งอยู่แล้ว ก็เลยอยากจะฝากให้รอติดตามกันด้วยนะคะ”ความยากที่สุดของซิงเกิลนี้คืออะไร“ยากทั้งพาร์ทร้องและพาร์ทเต้นเลยค่ะ ส่วนใหญ่เพลงเราเสียงสูงอยู่แล้ว แล้วก็พาร์ทเต้น เพลงนี้ค่อนข้างที่จะใช้ร่างกายเยอะมาก ๆ ก็เลยยากพอสมควรกับการเก็บไลน์ค่ะ แล้วระยะเวลาในการทำเพลงนี้ มีแค่ประมาณ 1 เดือนครึ่ง เราต้องทำทุกอย่าง ทั้งเต้น ร้อง อัดเสียง ฟิตติ้งชุด แล้วก็เตรียมไปถ่าย MV ที่ญี่ปุ่นอีก มันก็เลยยากมาก”จะได้ชม MV The Journey (การเดินทาง) ช่วงไหน“เร็ว ๆ นี้ค่ะ คือหลายคนอาจจะงงว่าทำไมเพลงมาก่อน แล้ว MV ยังไม่ออกสักที จริง ๆ แล้วมันมีความจำเป็นที่เราต้องเลื่อนงานเปิดตัวเพลงขึ้นมาเร็วขึ้น ก็คือเมมเบอร์ของเราคนนึงมีปัญหาสุขภาพ ก็เลยต้องเลื่อนขึ้นมาให้เร็วขึ้น เพื่อที่จะได้โชว์ด้วยกันครบทั้ง 8 คนค่ะ”สปอยล์หน่อยว่าเราจะได้เห็นอะไรใน MV บ้าง“อย่างแรกเลย เราก็จะได้เห็นชุดที่ไม่ใช่ชุดเซม จะมีชุดอื่นซึ่งพวกเราเป็นคนเลือกกันเอง ก็จะเห็นคาแรคเตอร์ของแต่ละคน แต่ว่าที่แน่ ๆ คือก็จะเป็นสไตล์ญี่ปุ่นอยู่แล้ว ก็จะได้เห็นความน่ารักของพวกเรา รวมไปถึงฉาก เราก็ไปหลาย ๆ ที่แถวนั้น เช่น ชิบูยา อากิฮาบาระ โตเกียวทาวเวอร์ ฉากสวยมากค่ะ”บรรยากาศการถ่าย MV เป็นยังไงบ้าง“สนุกค่ะ เพราะพวกเราได้ไปเที่ยวด้วย ในแต่ละฉากจะเข้าฉากกันทีละ 2 คน ทำให้คนที่ไปแถวนั้นก็ได้ไปซื้อของ เดินเที่ยวแถวนั้นด้วย”มีอะไรพีค ๆ ระหว่างถ่ายทำบ้างมั้ย“มันจะมีฉากนึงค่ะ เราไปถ่ายกันแถว ๆ ตรงรถไฟ เราก็จะรอจังหวะที่รถไฟมา แล้วเราจะขึ้นบันไดเลื่อน แล้วตรงนั้นมันเป็นที่สาธารณะ มันก็จะมีคนเดินตลอดเวลา แล้วเราต้องการตอนที่ไม่มีคนและรถไฟมาพอดี ซึ่งมันก็จะมาประจำทุกนาทีสองนาทีไรงี้ใช่มั้ยคะ แล้วพอรถไฟมาปุ๊บ ดันมีคนเดินตาม ก็ทำให้เทคนั้นใช้ไม่ได้ (หัวเราะ) แล้วเราก็เดินขึ้นเดินลงอยู่แบบนั้น ประมาณเกือบ 10 รอบได้”“แล้วก็ขอเผา CEO นิดนึง มันเป็นบันไดเลื่อนใช่มั้ยคะ แล้วเขาจะเดินตามถ่ายเราค่ะ แล้วแบบว่าขาข้างนึงอยู่ล่างบันไดเลื่อน แล้วอีกขานึงอยู่บนบันไดเลื่อน แล้วเขาก็แบบเตะบันไดเลื่อนให้มันถอยขึ้นไป ส่วนตัวเขาก็ยังไม่ยอมออกมาจากบันไดเลื่อน อยู่แบบนั้นเพื่อตามถ่ายพวกเราค่ะ (หัวเราะ)”นอกจากถ่าย MV แล้ว ก็มีไปโชว์เคสที่ญี่ปุ่นด้วย เป็นยังไงบ้าง“ผิดคาดนะคะ ตอนแรกเราไปที่นั่น เราก็คิดว่าคนญี่ปุ่นอาจจะไม่รู้จักเราขนาดนั้น แต่ตอนที่เราไปขึ้นโชว์ที่งาน Thai Fest คือคนเยอะมาก เขาก็แบบ คาวาอิ เขาก็คอยส่งเสียงพวกเรา แฟนคลับญี่ปุ่นเขาน่ารักมาก เหมือนต่อให้เขาไม่รู้จัก แต่เขาก็จะมีการซัพพอร์ตที่ดีค่ะ ส่งเสียงเชียร์ ทำให้เรารู้สึกว่าการมาโชว์ของพวกเรา เราไม่ได้มาโชว์คนเดียวแบบไม่มีแฟนคลับเลย เขาจะคอยให้กำลังใจ เหมือนเขาเป็นแฟนคลับที่บินตามเรามาเลย มันก็เลยเป็นความน่ารักของแฟนคลับญี่ปุ่นมาก ๆ เลยค่ะ แล้วก็ต้องขอบคุณแฟนคลับไทยด้วย ที่บินตามพวกเราไป เพราะว่าตอนนั้นเป็นความพิเศษ พวกเราเอาชุดนี้ไปโชว์ แล้วก็มีถ่ายกิจกรรมครั้งแรกกับพวกเราที่ญี่ปุ่นด้วย”ฝากอะไรถึงแฟนคลับที่ติดตาม The Glass Girls อยู่หน่อย“ขอบคุณทุกคนที่ซัพพอร์ต The Glass Girls กันมาตลอด ตั้งแต่เราเป็นเทรนนีนะคะ จนมีรุ่น 1 รุ่น 2 รุ่น 3 จนตอนนี้จะมีรุ่น 4 แล้วหรือเปล่า เอ๊ย พูดอะไรออกมา (หัวเราะ)”“พวกเราพยายามอย่างหนักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้อง ๆ เทรนนีหรือเมมเบอร์ อยากให้รู้ไว้ว่าทุกผลงาน พวกเราตั้งใจ แล้วก็ทุ่มเทกับงานมาก ๆ ก็อยากให้ทุกคนติดตาม และเป็นกำลังใจให้พวกเราแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วพวกเราก็จะเป็นกำลังใจให้กับทุกคนเหมือนกัน เพราะพวกเราเชื่อว่าทุกคนเจอทั้งเรื่องดีแล้วก็ไม่ดีในชีวิต แต่ก็อยากให้รู้ไว้ว่าพวกเราจะอยู่ตรงนี้ เป็นกำลังใจให้ทุกคนเสมอนะคะ”สุดท้าย ฝากซิงเกิลนี้ The Journey (การเดินทาง) หน่อย“ขอฝากซิงเกิลนี้นะคะ The Journey ค่ะ ก็เป็นโปรเจคพิเศษของพวกเรานะคะ อยากฝากให้ทุกคนรอติดตาม ตอนนี้เพลงปล่อยทุกสตรีมมิ่งแล้ว ก็ไปฟังกันได้เลย ส่วน MV ก็รอติดตามใน YouTube Channel The Glass Girls อยากให้รอติดตามกันเยอะ ๆ นะคะ”

ชวน “JAONAAY” เล่าเรื่อง เพลง “รัก” (LOVESONG)

06 มี.ค. 2024

ชวน “JAONAAY” เล่าเรื่อง เพลง “รัก” (LOVESONG)

"JAONAAY" หรือ "เจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน" ศิลปินหนุ่มแห่งค่ายเจมีดี (JAYMIDI) คัมแบคในสไตล์ที่ดูโตขึ้น กับเพลง "รัก" (LOVESONG) ที่เขียนเนื้อร้องเองจากประสบการณ์ตรง เราจึงได้ชวนเจ้านายมาพูดคุยถึงเบื้องหลังการทำงาน กว่าจะออกมาเป็นเพลง “รัก” เพลงนี้กันเพลง “รัก” (LOVESONG) มาในคอนเสปอะไร“เพลงรักมาในคอนเสปของการอยากบอกรักแบบดื้อ ๆ เลย ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่รู้ว่าตอบอะไรมาบ้าง แต่ว่าอยากให้รู้ว่ารัก แค่นั้น แต่ถ้าเอาเรื่องลึกลงไปอีก คือเราส่งเพลงให้สาวฟัง เพลงเต็ม ๆ มัน 3 นาที แล้วเขาตอบมาว่าเพราะมากเลย แต่เขาตอบมาตั้งแต่นาทีเดียว ซึ่งเรารู้แล้วว่าอันนี้คือเขายังฟังไม่จบไง ก็เข้าใจแหละว่าอยากให้กำลังใจ ก็น่ารักดี ก็เลยเอามาเป็นประโยคแรกของเพลง อยากแต่งเพลงรักให้เธอสักครั้ง ไม่เป็นไรถ้าเธอไม่ฟัง”งั้นแสดงว่าเพลงนี้แต่งจากประสบการณ์ตรง“ด้วย”เจ้านายเขียนเนื้อร้องเองด้วยใช่มั้ย“เพลงนี้เขียนเองครับ”เพลงนี้ใช้เวลาทำนานมั้ย“ถ้าเขียนแบบจบ ๆ เลย มันก็มีเปลี่ยนเนื้ออยู่ด้วยบ้าง ก็ประมาณ 3 วัน”พาร์ทไหนยากสุดในการทำเพลงนี้“เพลงนี้ยากตรงให้คำมันลงล็อคแบบที่อยากร้อง เพราะบางทีเราดีไซน์แล้วมันตะเบ็งเกินไป ร้องยากเกินไป เพลงนี้คือตั้งใจให้เอาไปทัวร์ได้ ก็เลยอยากให้มันเข้าปาก เลยขยับคำ วรรณยุกต์ สระ ก็นั่งเกลา ตรงนี้แหละที่ยาก แต่ที่เหลือคือพอมันลงตัวก็ไหลเลย”เจ้านายชอบท่อนไหนมากที่สุดในเพลง“ท่อนที่ผมเขียนว่า ‘แต่หนุ่ม Pop มันไม่กลัวนะ’ เราเป็นหนุ่ม Pop ไง เราพยายามหนีละ อยากไป Hip Hop บ้างอะไรบ้าง แต่เป็นหนุ่ม Pop เนี่ยแหละ”แสดงว่า Pop เป็นแนวที่เจ้านายถนัดเนอะ“เป็นแนวที่ชัวร์ดีกว่าพี่ เพราะจริง ๆ ก็อยากทำหลาย ๆ แบบแหละ”ปกติชอบใช้เพลงเป็นสื่อเวลาบอกรักมั้ย หรือพูดออกไปตรง ๆ เลยมากกว่า“เวลาบอกรักเหรอ ผมก็บอกเลยแหละ ไม่ต้องแต่งเพลงหรอก เพลงนี้ให้มันเป็นสีสัน บ่งบอกว่าอารมณ์ของช่วงชีวิตนี้มันเป็นยังไง”มาที่พาร์ท MV บ้าง สตอรี MV เป็นยังไง“สตอรี MV คือตัวละครสองตัวเจอกัน มองตากันปุ๊บแล้วมันคิดเพ้อเจ้อไปเลย ว่าเราจะไปมีความสุขกันแบบไหนบ้าง มันมาจากแค่นั้นเลยฮะ แต่ในฉากคือให้มันย่อยง่าย ๆ หน่อย คือเป็นเพื่อนมาปาร์ตี้กันที่บ้าน แล้วก็เดินจีบกันในบ้าน คิดจินตนาการว่าเดินจีบกันอยู่ เป็นภาพความคิดเรา”บรรยากาศในการถ่าย MV เป็นยังไงบ้าง“สนุกสนานครับ เพราะว่าตั้งแต่ผู้กำกับ บริษัท อะไรทุกอย่างก็เป็นของเพื่อน ๆ อยู่แล้ว ของทางพี่ไอซ์ พาริส โปรดักชัน MAXMOTIVE ซึ่งตอนนี้ทำ MV ให้หลาย ๆ คนเลย ผมรู้สึกว่าเป็นทีมไฟแรงอีกหนึ่งทีม เป็นทีมของใหม่ ก็เลยอยากร่วมงานด้วย แล้วก็เป็นงานเปิดปีที่อยากให้มันอบอุ่น ๆ ก็เลยรวมทีมญาติพี่น้องดีกว่างานนี้”เพลงนี้ได้ “จ๋อมแจ๋ม-กานต์พิชชา พงษ์พานิชย์” มาเป็นนางเอก MV ทำงานร่วมกันเป็นยังไงบ้าง“ร่วมงานกันครั้งแรกเลยครับ สนุก เขาก็เล่นเวย์หวาน ๆ น่ารัก ๆ ได้ดีเหมือนกัน เพราะตอนแรกทุกคนก็ถามว่า เขาเปรี้ยว ๆ เท่ ๆ เขาจะมาเล่นแบบนี้ได้มั้ย ผมก็บอกลองเอามาดู เขาทำได้ เพราะว่าหน้าเขาเก๋อยู่แล้ว”ใครเป็นคนเลือกนางเอก MV“จริง ๆ ผู้กำกับให้มาหลายชอยส์ เพราะผมอยากได้เป็นกึ่งนางแบบ ออกแฟชั่นนิด ๆ อันนี้คือเราเสนอไป ก็ได้มาเป็น 4-5 แคนดิเดท แล้วเราก็จิ้มเลือกเป็นจ๋อมแจ๋ม”เจ้านายชอบซีนไหนที่สุดใน MV“ผมชอบซีนที่อยู่ตรงขอบสระว่ายน้ำก่อนลง แต่ยังไม่ลงนะ ผมว่าสวยดี ชอบส่วนตัว เห็นภาพเห็นแสงแล้วมันสบายตา”แล้วซีนไหนถ่ายยากที่สุด“โดดน้ำตอนจบ ซีนนั้นถ่ายกันประมาณตี 4 อะครับ”เป็นยังไง เราหนาวมั้ย“ก็หนาว แต่ลืมหนาวไปแล้วแหละ เราอยากรีบถ่ายให้จบ อยากกลับบ้านละ (หัวเราะ) หนาวนิดหน่อย แต่ตอนโดดน้ำมันโดดได้ทีเดียว ก็เลยต้องเล่นดี ๆ ครับ”จะมีเพลงรักเวอร์ชั่นอื่นออกมาอีกมั้ย“ผมคิดว่าจะทำ live session แต่คิดว่าปีนี้น่าจะมีโปรเจคที่ใหญ่มาก ๆ ก็เลยคิดว่า หรือเราหยอดน้ำจิ้มแค่นี้พอ เพลงสองนาทีครึ่ง แล้วเราไปแถลงอีกทีตอนนู้นเลยดีกว่า เดี๋ยวจะกลับมาใหม่ฮะ”โปรเจคอะไร สปอยล์ได้มั้ย“โปรเจคที่ใหญ่มาก ๆ คือเราจะมีการปล่อยเพลงชุดใหญ่ฮะ แบบที่ไม่เคยปล่อยมาก่อน ยังพูดอะไรได้ไม่มาก”ปีนี้ตั้งใจจะปล่อยสักกี่เพลงดี“ปีนี้อย่างต่ำสัก 5-6 เพลงครับ”อัลบั้มเต็มล่ะ มีแพลนไว้หรือยัง“ไม่รู้ (หัวเราะ)”เจ้านายจะมีผลงานด้านการแสดงให้เราชมกันอีกมั้ย“ผลงานด้านการแสดง มีเรื่องที่ค้างอยู่ครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องจะดำเนินไปทางไหน ผมก็ตื่นเต้นอยากรู้เหมือนกัน ก็คือซีรีส์เรื่อง Delete ที่เล่นไว้กับทาง Netflix เป็นซีรีส์ไซไฟแนวใหม่ ซึ่งผมก็อินมาก ๆ กับเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เพราะเป็นคนที่ชอบดูอะไรที่เหนือความเป็นจริงนิดหน่อย ก็น่าจะมีซีซั่นสองครับ”ฝากผลงานหน่อย ช่วงนี้เจ้านายมีอะไรให้ติดตามกันบ้าง“มีเพลง รัก (LOVESONG) แล้วก็จะบอกว่ากลับมาทำงานอย่างเต็มตัวแล้วฮะ เพราะว่าเรียนจบแล้ว พร้อมเป็นนักร้องเต็มตัว ก็ขอฝากเจ้านายในเวอร์ชั่นโตขึ้นนิดหน่อยกับทุกคนด้วยครับ”สุดท้ายอยากให้พูดอะไรถึงแฟนคลับหน่อย“ขอบคุณแฟนคลับที่ทำให้ยังได้ร้องเพลง ยังได้แต่งเพลงที่ชอบ แล้วก็มาตามกันที่งานคอนเสิร์ต ไว้มาเจอกันบ่อย ๆ นะครับ”

นนท์ ธนนท์ กลับมาอีกครั้งกับคอนเสิร์ตใหญ่ NONT EP.02 SO SERIOUS จริงๆจังๆ CONCERT

12 ก.ค. 2023

นนท์ ธนนท์ กลับมาอีกครั้งกับคอนเสิร์ตใหญ่ NONT EP.02 SO SERIOUS จริงๆจังๆ CONCERT

นนท์ ธนนท์ เตรียมจัดเต็มกับคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกที่ อิมแพ็ค อารีน่า กับ “MITSUBISHI ELECTRIC Mr.SLIM Presents NONT EP.02 SO SERIOUS จริงๆจังๆ CONCERT” คอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบที่จริงจัง จัดใหญ่ จัดเต็ม และ SO SERIOUS กว่าครั้งไหนสำหรับคอนเสิร์ตในครั้งนี้ นนท์เล่าว่า “เป็นการต่อยอดมาจาก EP.01 โดยรวบรวมไอเดียจากทีมงานด้วย ว่าถ้าเราทำคอนครั้งต่อไป อยากให้จริงจังขึ้นหน่อย ถ้าจะจริงจัง ก็เลยให้ชื่อจริงจังไปเลย EP.02 ก็เริ่มมาจากตรงนั้น ในส่วนของชื่อ จริงๆจังๆ แค่รู้สึกว่าอยากให้ซีเรียสขึ้น แต่ถ้าใช้ชื่อจริงจังเลย มันจริงจัง แต่พอเป็น จริงๆจังๆ มันดูไม่ค่อยจริงจัง ซึ่งมันเป็นการย้อนแย้งบางอย่างของ wording แค่ 4 พยางค์ ซึ่งสะท้อนความเป็นตัวเรา”“ในปีที่แล้วเรามีเกสต์เยอะมาก ทำให้ตัวผมมีเวลาในการเปลี่ยนเสื้อผ้า เข้าห้องน้ำ ทานอาหาร ตักบุฟเฟต์ ในช่วงที่เกสต์เล่น ก็รู้สึกว่าชอบระบบนี้ ผมชอบการได้เดินแล้วก็เลือกแบบไม่ต้องรีบ ได้ตักบุฟเฟ่ต์กินข้างหลัง เกสต์ก็ให้รอติดตามกัน ซึ่งก็เห็นแฟน ๆ ที่เป็นยอดนักสืบจิ๋วโคนันกันอยู่เยอะ จริง ๆ ในรูปที่เราโพสต์ไปก่อนหน้านี้ เราพยายาม hint หลาย ๆ อย่างไปในนั้น ก็ลองไปสืบกันดู แต่เท่าที่ผมดูฟีดแบคนะ ยังไม่ถูกอยู่เยอะ”“จากครั้งที่แล้ว ที่เราเล่นที่เล็กกว่านี้ ก็ยังเอาสลิงไปโหนได้เลย เพราะฉะนั้นการขยายมาที่ Impact Arena เมืองทองธานี ก็น่าจะมีไอเดียที่มันพิเรนทร์ ๆ อยู่ จากทีมโปรดักชัน ผมก็สนุกไปกับมันเหมือนกัน ในความรู้สึกผมมันกดดันอยู่แล้ว มันใหญ่ขึ้น มันกว้างขึ้น โดยส่วนตัวผมชอบเล่นในที่ที่มันกำลังพอดี ๆ แต่ในปีที่แล้วเราก็เล่นที่ Impact Arena เมืองทองธานี มาหลายรอบมาก เป็นเกสต์คอนเสิร์ต มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราคุ้นชินกับที่นี่ด้วย หวังว่าแฟน ๆ จะมากัน หลัก ๆ คือเรารับฟีดแบคจากคนดูด้วย ว่าขอที่ที่ใหญ่กว่านี้ เราก็สนองให้”เรื่องราคาบัตร “ตัวผมพยายามให้เข้าถึงง่าย เพราะตัวเราในช่วงปีที่ผ่านมา เราได้เจอความหลากหลายของแฟน ๆ ที่เป็นเด็ก ๆ เลย ที่เป็นผู้ใหญ่เลย ผมเลยรู้สึกอยากทำราคาบัตรที่ทุกคนเข้าถึงได้ ให้เงินตรงนั้นไปใช้กับการเดินทาง โรงแรม ที่พัก”“นี่เป็นการกลับมาใน EP.02 เต็มรูปแบบมากขึ้น ใหญ่มากขึ้น นั่งได้เยอะมากขึ้น ราคาย่อมเยาว์มากขึ้น เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายที่สุด ยังไงก็มาเจอกันได้ครับ เราเล่นคอนเสิร์ตถึง 2 เดือนด้วยกัน เราเล่น 2 เดือนนะครับ แต่เดือนละวันเท่านั้นเอง เราเล่นวันแรกนะครับ 30 กันยา นั่นคือเดือนแรกนะครับ แล้วก็เล่นเดือนถัดไปเลย ก็คือวันที่ 1 ตุลานะครับ 2 รอบการแสดงด้วยกัน คิดว่าไม่น่าเพิ่มแล้ว เพราะน่าจะปวดหลัง”พร้อมทิ้งท้ายถึง EP.03 ว่า “ผมว่าผมจะขายบัตรวิ่งนะ ให้วิ่งดู เหนื่อยก็ take out ออกไปเลย หน้าที่ของเวทีก็คือหมุน คุณอยากดูข้างหน้า คุณต้องวิ่งให้ทัน ซึ่งผมว่าจะเป็นมหกรรมคาดิโอที่ดีมาก ๆ ผมอาจจะครอสกับพี่เบเบ้ก็ได้ ทำ T25 ด้วยก่อนที่จะเริ่มคอนเสิร์ต”เตรียมตัวให้พร้อม วอร์มนิ้วให้ดี จัดเต็ม 2 รอบการแสดง วันเสาร์ 30 กันยายน 2566 และ วันอาทิตย์ 1 ตุลาคม 2566 Impact Arena เมืองทองธานี บัตรราคา 5,000 / 4,500 / 4,000 / 3,500 / 3,000 / 2,500 / 2,000 / 1,800 บาท จำหน่ายบัตรวันที่ 30 กรกฎาคม 2566 ทาง The Concert Application#NONTEP02จริงๆจังๆConcert#NONTTANONT#LOVEiSENTERTAINMENT